กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เปิดเผยว่า ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ( ATACMS) ของสหรัฐฯ ใส่แคว้นไบรอันสก์ ของรัสเซียในเช้ามืดวันอังคาร (19 พฤศจิกายน) โดยขีปนาวุธ 5 ลูกถูกยิงร่วง และอีกลูกหนึ่งได้รับความเสียหาย ซึ่งชิ้นส่วนขีปนาวุธทำให้เกิดไฟไหม้ที่คลังแสงแห่งหนึ่งของกองทัพ
การโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งอนุญาตเมื่อวันจันทร์ให้ยูเครนใช้อาวุธดังกล่าวโจมตีลึกเข้าไปดินแดนของรัสเซียได้ตามที่ร้องขอมานานหลายเดือน
ขณะที่กองทัพยูเครน ยืนยันว่า มีการโจมตีคลังอาวุธในแคว้นไบรอันสก์ แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้ขีปนาวุธ ATACMS
ขีปนาวุธ ATACMS มีพิสัยการยิงไกล 300 กม. และยากที่จะสกัดกั้นได้ และอาวุธนี้จะช่วยให้ยูเครนสามารถยิงข้ามพรมแดนไปถึงแคว้นเคิร์สก์ในรัสเซีย ที่ทหารยูเครนสามารถควบคุมพื้นที่ได้กว่า 1,000 ตร.กม.ได้
ขณะที่รัสเซียเตือนเมื่อวันจันทร์ว่า หากยูเครนใช้ขีปนาวุธดังกล่าวจะต้องเผชิญการตอบโต้อย่างเหมาะสมและจับต้องได้ และเตือนว่า การที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้อาวุธดังกล่าว ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรง
และในวันอังคาร ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 1,000 วันของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อนุมัติการแก้ไขนโยบายอาวุธนิวเคลียร์ ที่กำหนดเงื่อนไขใหม่ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า การโจมตีจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการหนุนหลังจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ให้ถือว่าเป็นการโจมตีร่วมต่อรัสเซีย นอกจากนี้การโจมตีครั้งใหญ่ต่อรัสเซียด้วยขีปนาวุธ โดรน หรือ เครื่องบิน รวมถึงการโจมตีในเบลารุส หรือ ภัยคุกคามร้ายแรงอื่นใดต่ออธิปไตยของรัสเซีย อาจเข้าเกณฑ์ให้ตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ได้
การเคลื่อนไหวนี้มุ่งส่งสัญญาณหนักแน่นเตือนชาติตะวันตกให้พึงระวังผลลัพธ์ที่จะตามมาสำหรับการจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน และโฆษกทำเนียบเครมลิน บอกด้วยว่า ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครนจะยังดำเนินต่อไป และมั่นใจว่าจะเสร็จสิ้นด้วยชัยชนะ
ส่วนกระทรวงต่างประเทศยูเครน ออกแถลงการณ์ในวันครบรอบ 1,000 วันของสงคราม โดยยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ยอมจำนนต่อผู้ยึดครอง และกองทัพรัสเซียจะต้องถูกลงโทษสำหรับการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
นอกจากนี้แอนดรี ซิบีฮา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ระบุในแถลงการณ์ถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า 1,000 วันเป็นตัวเลขที่พิสูจน์ความกล้าหาญของยูเครนในการต้านทานการรุกรานจากรัสเซีย และสะท้อนความล้มเหลวของประชาคมโลก รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงในการหยุดยั้งสงครามของการรุกรานและความโหดร้าย