ประธานาธิบดีโจ ไบเดน นั่งเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่ง บินสำรวจผืนป่าแอมะซอนและแม่น้ำริโอ เนโกร ในเมืองมาเนาส์ ของบราซิลเมื่อวันอาทิตย์ และได้เห็นระดับน้ำในแม่น้ำลดลงอย่างมากเนื่องจากภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี และเขายังได้พบปะกับผู้นำชนเผ่าที่ต้องการปกป้องผืนป่าฝน ที่พิพิธภัณฑ์แอมะซอน
นอกจากนี้ไบเดน กล่าวว่า เขาภูมิใจที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในตำแหน่งคนแรกที่เยือนป่าแอมะซอน ก่อนลงนามในคำประกาศของสหรัฐฯ ที่กำหนดให้วันที่ 17 พฤศจิกายนเป็น “วันอนุรักษ์สากล” เพื่อให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะทำงานกับหุ้นส่วนทั้งในประเทศและทั่วโลกเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ
และระหว่างการเยือนเมืองมาเนาส์เพียง 4 ชม. ไบเดนประกาศมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 50 ล้านดอลลาร์สมทบกองทุนแอมะซอน หลังจัดสรรความช่วยเหลือก้อนแรกแล้ว 50 ล้านดอลลาร์ ภายใต้คำสัญญาในปีที่แล้วว่าจะให้การสนับสนุนรวม 500 ล้านดอลลาร์แก่กองทุนแอมะซอน ที่เป็นความร่วมมือของนานาชาติเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าแอมะซอน
ป่าแอมะซอนเป็นป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งของความหลากหลายทางชีวภาพของโลกมากถึง 10% แต่การพัฒนาอย่างรวดเร็วในประเทศทำให้สูญเสียผืนป่าบริเวณกว้าง และน้ำในแม่น้ำลดลงสืบเนื่องจากภัยแล้งที่ยืดเยื้อนาน 2 ปีแล้ว
การเยือนแอมะซอนของไบเดนเป็นการตอกย้ำผลงานด้านการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ขณะดำรงตำแหน่ง ในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณอาจนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง และอาจยกเลิกงบประมาณสนับสนุนกฎหมายเรื่องพลังงาน
แต่ไบเดน ซึ่งผลักดันนโยบายที่ทำให้อากาศ น้ำและพลังงานสะอาดมากขึ้น ประกาศเมื่อวานด้วยว่า บางคนอาจปฏิเสธหรือชะลอการปฏิวัติพลังงานสะอาดที่กำลังดำเนินอยู่ในอเมริกา แต่ไม่มีใครสามารถทำให้ถอยหลังกลับได้ เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ แล้วรัฐบาลชุดไหนจะขวางทางหรือฉวยโอกาสครั้งใหญ่นี้
ไบเดนเยือนบราซิลเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี20 ที่นครริโอเดจาเนโร ระหว่างวันที่18-19 พฤศจิกายน ที่มีวาระสำคัญเกี่ยวกับปัญหาความยากจนและความหิวโหย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงมาตรการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่คาดว่า จะถูกบดบังด้วยเรื่องสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง และชัยชนะของทรัมป์
อย่างไรก็ตามสื่อคาดว่า ชาติร่ำรวยและชาติกำลังพัฒนาจะไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมที่มีเนื้อหาอย่างมีนัยยะสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่คาดว่จะมุ่งเน้นประเด็นสังคม เช่น เรื่องกำจัดความหิวโหย