ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยผ่านเทเลแกรมในวันอาทิตย์ (17 พฤศจิกายน) ว่า กองทัพรัสเซียปล่อยขีปนาวุธเกือบ 120 ลูก และโดรน 90 ลำ โจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและทางทหารทั่วยูเครน และกองทัพยูเครนสามารถยิงทำลายขีปนาวุธ 104 ลูก และโดรน 42 ลำ
มีเสียงระเบิดดังสนั่นในหลายเมือง รวมถึง กรุงเคียฟ และเมืองท่าโอเดสซา ทางภาคใต้ และหลายแคว้นทางภาคตะวันตกและภาคกลาง โดรนลำหนึ่งโจมตีในแคว้นมิโกเลฟ ทางภาคใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 6 ราย และพื้นที่ทั้งหมดไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ในแคว้นโอเดสซา และอีก 1 ราย ในแคว้นลวีฟ
การโจมตีทำให้เกิดไฟดับในหลายแคว้น รวมถึง โอเดสซา ที่ระบบทำความร้อน, ประปา และไฟฟ้าถูกตัดขาด และโรงพยาบาลหลายแห่งต้องพึ่งเครื่องปั่นไฟ
DTEK บริษัทพลังงานของยูเครน ระบุด้วยว่า โรงไฟฟ้าพลังความร้อนถูกโจมตี และอุปกรณ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
และกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยืนยันว่า รัสเซียเปิดการโจมตียูเครนครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ยิงได้จากทะเลและทางอากาศและมีความแม่นยำสูง ร่วมกับโดรนจู่โจม มุ่งทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ
การโจมตีของรัสเซียระลอกล่าสุดเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า เขาจะพยายามทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อให้สงครามยุติภายในปี 2568 ผ่านวิธีทางการทูต และเขาเชื่อมั่นว่าสงครามจะยุติเร็วขึ้น เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัยในต้นปีหน้า
ในช่วงหาเสียงทรัมป์ย้ำว่าเขาต้องการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และวิจารณ์ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผลาญงบประมาณไปกับการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน