โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล ของเขาเมื่อวันอาทิตย์ (10 พฤศจิกายน)ว่า เขาจะแต่งตั้งนายทอม โฮแมน อดีตรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ไอซีอี) เป็น“Border Czar” เพื่อรับผิดชอบกำกับดูแลความมั่นคงบริเวณพรมแดนและนโยบายเนรเทศผู้อพยพ ที่เป็นหัวใจหลักขอนโยบายหาเสียงของเขา โดยจะเนรเทศชาวต่างชาติที่เข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหมดกลับไปยังประเทศต้นทาง
โฮแมนเคยเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ไอซีอี ช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และหลังพ้นตำแหน่ง เขามีส่วนร่วมจัดทำ “Project 2025” ซึ่งเป็นแผนนโยบายที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมจัดทำขึ้น และถูกมองว่า จะเป็นพิมพ์เขียวในการบริหารประเทศของรัฐบาลทรัมป์ในสมัยที่ 2
เอกสารดังกล่าวถูกวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตว่าเป็นนโยบายของเผด็จการ แต่ทรัมป์ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเสนอเหล่านี้และไม่เคยอ่านด้วย
และก่อนการเลือกตั้ง โฮแมนเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนเนรเทศผู้อพยพของทรัมป์ว่า นโยบายนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำเพราะสหรัฐฯ เผชิญวิกฤตผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า ทรัมป์เสนอให้ เอลิส สเตฟานิค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกันจากรัฐนิวยอร์ก เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ เธอเป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์และยังเป็นผู้ระดมทุนรายใหญ่ให้กับพรรครีพับลิกัน
เมื่อวันเสาร์ทรัมป์เพิ่งประกาศว่าจะไม่เชิญนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตประจำยูเอ็นในสมัยแรกของทรัมป์ เข้าร่วมรัฐบาลสมัยที่ 2 ในขณะที่เขากำลังสรรหารัฐมนตรีและสื่อพากันเปิดชื่อตัวเต็งในตำแหน่งต่าง ๆ
ขณะที่ทรัมป์ประกาศในวันอาทิตย์ด้วยว่า สมาชิกรีพับลิกันที่จะชิงตำแหน่งผู้นำเสียงข้างมากของพรรคในวุฒิสภา จะต้องอนุญาตให้เข้าแต่งตั้งรัฐมนตรีโดยไม่จำเป็นต้องรอผ่านการลงมติรับรองตัวบุคคลจากวุฒิสภา เพราะต้องการให้มีการแต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ โดยทันที
ที่ผ่านมาวุฒิสมาชิกจะต้องเปิดการซักถามและลงมติรับรองบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงขนาดใหญ่ เช่น กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข แต่รัฐธรรมนูญก็อนุญาตให้ประธานาธิบดีข้ามขั้นตอนการลงมติดังกล่าวได้ หากวุฒิสภาอยู่ในช่วงการพักประชุมที่ขยายเวลากว่าปกติ
อย่างไรก็ตามวุฒิสภาไม่อนุญาตให้ประธานาธิบดีแต่งตั้งบุคคลในช่วงการพักประชุมของวุฒิสภานับจากในปี 2557 ที่ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำตัดสินจำกัดอำนาจประธานาธิบดีในเรื่องนี้