svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เกาหลีใต้ตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจรับมือ “ทรัมป์” หวั่นฉุดส่งออกร่วง

ประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ของเกาหลีใต้ เตรียมตั้งคณะที่ปรึกษาการคลัง การค้า และอุตสาหกรรม เพื่อรับมือผลกระทบจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนอำนาจ หวั่นการขึ้นกำแพงภาษีฉุดส่งออกร่วง

ประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ประชุมหารือกับด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงกับคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษาระดับสูงเมื่อวันอาทิตย์เพื่อหารือเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงก่อนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในเดือนมกราคมปีหน้า

ยุน บอกว่า ตลาดต่างประเทศเริ่มเตรียมตอบสนองต่ทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเข้าบริหารประเทศแล้ว รัฐบาลจึงควรจับตาตลาดอย่างใกล้ชิดและเตรียมตัวให้พร้อม โดยย้ำว่า การปรับนโยบายของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนอย่างมากต่อเศรษฐกิจและภูมิทัศน์ทางความมั่นคงของโลก  และส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของเกาหลีใต้ พร้อมกันนี้เขาสั่งให้ตั้งคณะที่ปรึกษาด้านการคลัง การค้าและอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบ

ขณะที่รายงานของสถาบันเกาหลีเพื่อนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนว่า มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้อาจลดลงสะสมราว 44,800 ล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจทำให้เศรษฐกิจหดตัวราว 0.67% หากทรัมป์ดำเนินตามนโยบายที่ประกาศไว้ว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากต่างชาติ

เกาหลีใต้ตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจรับมือ “ทรัมป์” หวั่นฉุดส่งออกร่วง

ทรัมป์หาเสียงไว้ว่าจะเก็บภาษีศุลกากรมาถึง 60% กับจีน และเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ 10% ขณะที่จีนและสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญ 2 อันดับแรกของเกาหลีใต้ โดยเกาหลีใต้ส่งออกชิป, รถยนต์ และปิโตรเคมี

ผู้นำเกาหลีใต้ บอกด้วยว่า เขาคาดหวังว่า ธุรกิจอู่ต่อเรือและปิโตรเคมีจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายพลังงานของทรัมป์ และย้ำความสำคัญของการเพิ่มความร่วมมือในอุตสาหกรรมก้าวหน้า ซึ่งรวมถึง ปัญญาประดิษฐ์, เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีควอนตัม

และในระหว่างที่ยุนโทรศัพท์ถึงทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อแสดงความยินดีกับผลเลือกตั้ง ทรัมป์แสดงความสนใจร่วมงานกับเกาหลีใต้ในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ โดยเฉพาะการต่อเรือ การส่งออก และการซ่อมบำรุงของกองทัพเรือ และสองฝ่ายตกลงจะพบกันเพื่อหารือในหลายประเด็น

นอกจากนี้ประธานาธิบดียุน กล่าวในการประชุมด้วยว่า ในแง่การป้องกันประเทศภายใต้พันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จำเป็นต้องรักษาความร่วมมือในการป้องปรามเกาหลีเหนือ และเตรียมตัวสำหรับการส่งเสริมสันติภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

รัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 อาจปรับเปลี่ยนอย่างที่คาดเดาไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นพันธมิตรของสองประเทศ โดยอาจเพิ่มแรงกดดันให้เกาหลีใต้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในฐานะพันธมิตรของสหรัฐฯ นอกจากนี้อีกประเด็นที่เกาหลีใต้กำลังจับตา คือ ทรัมป์จะจัดการเรื่องการปลดนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ และแนวทางของทรัมป์ต่อสงครามในยูเครน ที่มีทหารเกาหลีเหนือถูกส่งไปรัสเซียเพื่อสนับสนุนอย่างไร