ทางการสเปน เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในภาคตะวันออกและภาคใต้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 158 ราย ซึ่งแคว้นบาเลนเซียได้รับความเสียหายหนักที่สุด และมีผู้เสียชีวิต 155 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย อยู่ในแคว้นกัสติยา-ลามันชา ทางภาคกลาง และอีก 1 ราย อยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย ทางภาคใต้
แม้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่ได้ระบุตัวเลขผู้สูญหาย แต่ทางรัฐบาลคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาผู้สูญหาย ท่ามกลางกองรถยนต์หลายร้อยคัน และซากปรักหักพังจากความรุนแรงของกระแสน้ำ ที่พัดมาพร้อมกับโคลน กีดขวางถนนสายต่างๆ
ความเสียหายรุนแรงในวงกว้างเหมือนกับเผชิญเฮอร์ริเคนหรือสึนามิ เกิดขึ้นหลังจากมีฝนตกหนักเทียบได้กับปริมาณฝนทั้งปีภายในเวลา 8 ชม. ในแคว้นบาเลนเซีย ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน รถยนต์จำนวนมากถูกซัดไปกองทับกัน ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น บ้านเรือนเต็มไปด้วยดินโคลน และกระแสน้ำท่วมซัดสะพาน ถนน และบ้านเรือนเสียหาย
น้ำท่วมในสเปนครั้งนี้เป็นอุทกภัยที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศในรอบ 51 ปี และอาจกลายเป็นภัยภิบัติจากพายุที่เลวร้ายที่สุดของยุโรปในรอบ 57 ปี โดยในปี 2564 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 185 รายจากน้ำท่วมในเยอรมนี และก่อนหน้านั้นมีผู้เสียชีวิต 209 รายในโรมาเนียในปี 2513 นอกจากนี้น้ำท่วมในโปรตุเกสคร่าชีวิตเกือบ 500 รายในปี 2510
สเปนเริ่มไว้อาลัยทั่วประเทศนาน 3 แก่ผู้เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีด้วยการลดธงชาติครึ่งเสาตามอาคารหน่วยงานรัฐ และจัดพิธีสงบนิ่งไว้อาลัย ขณะที่มีกระแสความโกรธเคืองจากประชาชนมากขึ้นท่ามกลางคำถามว่า ทำไมหน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติออกคำเตือนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมล่าช้า โดยสำนักงานคุ้มครองพลเรือนออกคำเตือนในเวลา 20.15 น. ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ในช่วงที่หลายพื้นที่ของแคว้นบาเลนเซียเกิดน้ำท่วมหลายชั่วโมงแล้ว
นักการเมืองฝ่ายค้าน กล่าวโทษว่า รัฐบาลกลางดำเนินการล่าช้าทั้งเรื่องการแจ้งเตือนประชาชน และการส่งทีมกู้ภัยไปให้ความช่วยเหลือ แต่รัฐมนตรีมหาดไทยชี้แจงว่า ทางการของแคว้นรับผิดชอบเรื่องมาตรการคุ้มครองพลเรือน