แรงงานหลายพันคนที่มีส่วนร่วมผลิตเครื่องบินโบอิ้ง 747 ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 50 ปี พร้อมด้วยผู้บริหารของโบอิ้ง และสายการบินต่าง ๆ จากทั่วโลก รวมถึง จอห์น ทราโวลตา นักแสดงและนักบิน ที่เคยขับโบอิ้ง 747 เข้าร่วมพิธีส่งมอบเครื่องบินรุ่นนี้ที่ผลิตเป็นลำสุดท้ายให้กับสายการบินบรรทุกสินค้า แอตลาส แอร์ ที่โรงงานของโบอิ้ง ในเมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตันเมื่อวันอังคาร โดยพิธีนี้ได้รับการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ด้วย
เครื่องบินลำสุดท้ายได้รับการตกแต่งด้วยสติกเกอร์ภาพวาดลายเส้นรูป โจ ซัตเทอร์ หัวหน้าวิศวกรของโบอิ้ง 747 ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2559 เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่ได้ชื่อว่า “บิดา” ของเครื่องบินลำนี้ และบนเวทีในงานมีการประดับธงตราสัญลักษณ์ของสายการบินทุกแห่งที่ใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 747 อีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 54 ปีที่ผ่านมานับจากโบอิ้ง 747 เริ่มบินเที่ยวบินแรกในปี 2512 ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ก้าวกระโดดครั้งใหญ่แก่การบินพาณิชย์ โดยเป็นเครื่องบินลำแรกที่เรียกว่า “จัมโบ เจ็ต” เพราะมีลำตัวกว้าง รองรับผู้โดยสารได้ 550 คน ก่อนเพิ่มมากขึ้นเป็น 660 คนในเวลาต่อมา ยังถูกใช้บรรทุกสินค้า ขนส่งกระสวยอวกาศขององค์การนาซา และยังใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีส่วนปฏิวัติการเดินทาง ที่ช่วยเชื่อมเมืองต่าง ๆ ระหว่างประเทศ ที่ไม่เคยมีเส้นทางบินตรงระหว่างกันมาก่อน
แต่ในช่วงเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา โบอิ้ง และแอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินของยุโรปที่เป็นคู่แข่งสำคัญ หันไปเน้นผลิตเครื่องบินที่มีลำตัวกว้างและประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า และใช้เครื่องยนต์เพียง 2 ตัว เทียบกับโบอิ้ง 747 ที่มีเครื่องยนต์ 4 ตัวแทน
ความนิยมใช้เครื่องบินรุ่นนี้จึงลดลงอย่างมาก โดยโบอิ้ง 747 สำหรับบรรทุกผู้โดยสารลำสุดท้ายเริ่มออกให้บริการเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้เห็นสัญญาณว่าโบอิ้ง 747 ใกล้ถึงจุดจบแล้ว เพราะสายการบินหันไปเลือกใช้เครื่องบินที่มีขนาดเล็กกว่าและประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า ในที่สุดโบอิ้งประกาศในเดือน ก.ค. 2563 ว่า จะเลิกผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ และจนถึงเดือน ธ.ค. 2565 มีโบอิ้ง 747 สำหรับบรรทุกผู้โดยสารเหลือเพียง 44 ลำ ที่ยังคงบินให้บริการ