สื่อคาดการณ์ว่า พรรคลิคุด ที่มีแนวคิดขวาจัดของ เบนจามิน เนทันยาฮู อดีตผู้นำวัย 73 ปี และพรรคที่เป็นพันธมิตร จะสามารถครองที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้ 65 ที่นั่งจากทั้งหมด 120 ที่นั่ง ทำให้สามารถโค่นล้มรัฐบาลผสมภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียาอีร์ ลาพิด ได้สำเร็จ
ประธานาธิบดี ไอแซค เฮอร์ซ็อก จะเรียกผู้แทนจากทุกพรรคการเมืองในสภาชุดใหม่เข้าเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เมื่อมีการรับรองผลคะแนนเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว และเขามีเวลาถึงวันที่ 16 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเลือกให้พรรคใดทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาล และชัดเจนว่า เนทันยาฮู ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะพรรคลิคุดมี ส.ส. มากที่สุดในสภา
ที่ผ่านมาเนทันยาฮูครองสถิติเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ดำรงตำแหน่งรวมระยะเวลามากที่สุด 15 ปี โดยรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2539 และมีช่วงที่ดำรงตำแหน่งติดต่อกันนาน 12 ปีจนถึงกลางปี 2564 และหากได้รับตำแหน่งนายกรัฐนตรีอีกครั้ง จะเป็นการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 6 จากการที่พรรคลิคุดชนะการเลือกตั้งรวม 5 ครั้ง
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าเหมือนการลงประชามติเช่นเดียวกับการเลือกตั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาว่า เนทันยาฮูมีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศหรือไม่ ในขณะที่เขายังอยู่ระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมายในคดีคอร์รัปชัน และเนื่องจากฝ่ายของเนทันยาฮู อาจครองที่นั่งได้มากกว่าที่โพลล์คาดไว้ว่า จะได้ไม่ถึง 61 ที่นั่ง ทำให้มีโอกาสมากขึ้นว่า การเมืองที่เป็นอัมพาตมานาน 3 ปีครึ่งจะถึงจุดสิ้นสุด
อิสราเอลตกอยู่ในวังวนของวิกฤตการเมืองนับตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การนำของเนทันยาฮูล่มในช่วงปลายปี 2561 ทำให้มีการเลือกตั้งถึง 4 ครั้งในช่วงปี 2562-2564 โดยการเลือกตั้งในเดือน เม.ย. 2562 และในเดือน ก.ย. 2562 ไม่สามารถหาตัวผู้ชนะได้ ส่วนการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. 2563 สามารถจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติภายใต้การนำของเบนนี แกนตซ์ แต่รัฐบาลก็ล่มอีกภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2564 มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมภายใต้การนำของยาอีร์ ลาพิด และนาฟตาลี เบนเนตต์ ด้วยข้อตกลงแบ่งกันดำรงตำแหน่งคนละ 2 ปี แต่หลังจากเบนเนตต์ดำรงตำแหน่งได้เพียงปีเดียว ก็มีการยุบสภา ทำให้ลาพิดเข้ารับตำแหน่งชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2565
ความสำเร็จในเส้นทางการเมืองของเนทันยาฮูที่ไม่มีใครเทียบได้ มีปัจจัยมาจากภาพลักษณ์ที่เขาสั่งสมมายาวนานในฐานะผู้นำสายเหยี่ยว ที่มีความเข้มแข็งและแข็งกร้าว สามารถปกป้องอิสราเอลให้ปลอดภัยจากศัตรูในตะวันออกกลางได้ เขามีนโยบายแข็งกร้าวต่อปาเลสไตน์ ให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยมากที่สุดเหนือการเจรจาสันติภาพ และมีจุดยืนมาตลอดว่า อิหร่านเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล
นอกจากนี้ในสมัยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯ เนทันยาฮูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทรัมป์อย่างมาก และภายในเวลาเพียงปีเดียว รัฐบาลของทรัมป์ประกาศรับรองสถานะกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ทั้งที่ปาเลสไตน์อ้างมีสิทธิครอบครองพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเยรูซาเลม จุดชนวนกระแสโกรธแค้นไปทั่วโลกอาหรับ แต่สร้างความสำเร็จทั้งในทางการเมืองและการทูตแก่เนทันยาฮู
อย่างไรก็ตามเนทันยาฮูยังมีความท้าทายจากการสอบสวนคดีคอร์รัปชันที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เขาถูกตั้งข้อหารับสินบน ฉ้อโกง และละเมิดหน้าที่ แต่เขาปฏิเสธข้อหา และอ้างว่า ตกเป็นเหยื่อของการล่าแม่มดทางการเมือง ต่อมาในเดือน พ.ค. 2563 เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องถูกดำเนินคดีในศาลขณะยังดำรงตำแหน่ง