แม่นางเอกดัง "พิม พิมประภา" โพสต์ยาวเหยียด ขอโทษลูก ๆ ลั่นเป็นแม่ต้องอดทน!
อีกหนึ่งประเด็นร้อน เมื่อแม่ของนางเอก "พิม พิมประภา" และ "พลอย พลอยไพลิน" ออกมาโพสต์ตัดพ้อลูก ๆ งานนี้สองนางเอกได้ตอบถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ล่าสุดคุณแม่ออกมาโพสต์ชี้แจงยาวเหยียด
ทางด้าน "พลอย พลอยไพลิน" ได้ออกมาสัมภาษณ์กลางงานกาล่าพรีเมียร์และชมภาพยนตร์ เรื่อง "KITTY THE KILLER" อีหนูอันตราย
"พลอยเชื่อว่าทุกบ้านต้องมีปัญหากันอยู่แล้วค่ะ ก็เป็นตามข่าวเลย อันนี้เป็นเรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในกลุ่มพี่น้องได้คุยกันอยู่แล้วคุยกันตลอด พยายามหาทางออกกันอยู่ค่ะ ทุกคนอยากให้เรื่องนี้มันดีขึ้นอยู่แล้ว ถามว่าเครียดมั้ยก็ต้องเครียดอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา"
ส่วน "พิม พิมประภา" ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า "ยอมรับว่าที่บ้านมีปัญหาจริง ๆ ค่ะ วันนี้พิมต้องขอโทษพี่ ๆ ทุกคนอาจจะลงดีเทลได้ไม่เยอะ เนื่องจากว่ามันเป็นเรื่องครอบครัวของพิมจริง ๆ อยากจะเคลียร์กับคนในบ้านให้ดีที่สุดค่ะ"
ความรู้สึกตอนเห็นโพสต์ครั้งแรก ?
"เสียใจค่ะ (ร้องไห้) ต้องบอกตรง ๆ ว่า มันยากมากสำหรับพิม มองว่าครอบครัวพิมก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวปกติ ที่เราใช้ชีวิตกันแบบปกติ มีช่วงเวลาที่มีความสุขมาตลอดตั้งแต่เด็ก ๆ ปะป๊า มะม๊าเลี้ยงดูพิมมาอย่างดี พิมก็เป็นลูกที่ได้รับความรักอย่างเต็มที่มาตั้งแต่เด็กค่ะ พิมได้รับกำลังใจเยอะมาก ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ มันเป็นช่วงเวลาที่คนที่รักเราส่งพลังมาให้เยอะมาก ขอบคุณกำลังใจทุกอย่างค่ะ"
โดยในวันนี้ (21 มิ.ย. 66) คุณแม่นางเอกคนดัง ก็ได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง เจ้าตัวโพสต์เอาไว้ว่า
"มีนักข่าวติดต่อผ่านทางเพจร้าน โทรหาพนักงานหน้าร้านและขอเบอร์ส่วนตัวแม่ สอบถามเวลาเข้าร้านของแม่ แม่ขอความกรุณาเว้นให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวนะคะ และยังติดตามไปหาเพื่อนที่แม่แทกในไอจีเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แม่ขอร้องอย่าไปรบกวนคนอื่นเลยนะคะ แม่ขอตอบในพื้นที่นี้ทีเดียวนะคะ แม่อ่านหลายเมนต์ที่หลายคนด่ารุนแรงถึงการโพสต์เหมือนประจานลูกตัวเอง แม่ไม่โกรธทุกคนเลยค่ะ เพราะแม่ทำผิดจริง ๆ ที่ทำให้เรื่องมันลุกลามขนาดนี้"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"แม่ก็รักลูกเหมือนแม่คนอื่นๆ ค่ะ ทุ่มเททั้งชีวิต ทั้งหมดที่มีเพื่ออนาคตของลูก ๆ แต่ที่โพสต์ไปเพราะตอนนั้นยอมรับว่าเสียใจมาก น้อยใจมาก ๆ ที่ได้ยินคำพูดของลูก ๆ (ไม่มีน้องพลอยวันนั้นนะคะ) พูดในกล้อง และได้ส่งคลิปลงกลุ่มทันที กลุ่มที่มีป๊าและลูก ๆ อยู่ เพื่อเคลียร์ปัญหา ทุกคนอ่านแต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ และลูกก็ออกจากกลุ่มไป จึงทำให้เสียใจมากจึงโพสต์ไปแบบนั้นด้วยความโกรธและเสียใจจริง ๆ"
"คนถามว่าทำไมไม่เคลียร์หลังบ้าน พยายามเคลียร์ปัญหาหลังบ้านแล้วค่ะ ทั้งไลน์ถามส่วนตัว หรือในกลุ่มอ่านแต่ก็เงียบกันหมด หลังจากแยกออกมาจนถึงวันนี้ระยะเกือบ 7 เดือนก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จนมาได้ยินจากกล้อง ทำให้เสียใจมาก ๆ เพราะหลังจากน้องพิมให้สัมไป มีผลกระทบกับแม่มาก ๆ แม่ต้องเครียด อึดอัดใจกับการตอบคำถามคนรอบข้าง โดยแม่ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะยังไม่ได้คำตอบจากพิมและที่หลายคนด่าว่าที่เกิดปัญหาเพราะลูกไม่ให้เงิน แม่หน้าเงิน ต้องการเงินจากลูก ถมไม่เต็ม แม่ขอตอบอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง และตอบได้เต็มปากว่า แม่ไม่เคยขอเงินลูกใช้ค่ะ พ่อแม่มีรายได้ มีงานทำ สร้างตัวกันมา 2 คน มีบ้าน รถ ตึกแถว คอนโด ปลอดหนี้ตั้งแต่ลูก ๆ ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ อาจจะมีปัญหาการเงินบางช่วงของชีวิตที่มีสะดุดบ้าง ก็แก้ปัญหากัน 2 คน แม่ภูมิใจที่มีวันนี้ได้ เพราะเราขยันทำงานค่ะ อาจจะมีบางครั้งลูกจะให้เองก็จะเห็นตามคลิปกันแล้ว และเงินที่พลอยให้ 1 ล้านเพื่อตกแต่งบ้าน ป๊าเป็นคนเก็บเงินค่ะ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลยค่ะ มันเป็นความไม่เข้าใจกันในครอบครัวที่สะสมมานานจนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พยายามคุย จะเคลียร์ปัญหานี้กับทุกคนแต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ"
"เรื่องที่มีคนบอกว่าแม่ขายของตลาดนัด แต่ลูกกินอาหารแพง ๆ อย่าไปโยงเลยค่ะ ก็เป็นเพราะแม่ชอบขายของเอง เพราะอยากมีรายได้หลาย ๆ ทางค่ะ ลูกจะใช้ชีวิตแบบไหนก็เป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าหาเงินเองได้ เค้าอยากทานอะไรก็ทำได้ค่ะ อีกอย่างอาหารที่ลูกชอบ บางอย่างแม่ก็ไม่ชอบด้วยค่ะ แม่ชอบทาน น้ำพริก ส้มตำค่ะ แม่ต้องขอโทษทุกคนที่ทำให้เสียความรู้สึกกับเรื่องนี้ เรื่องทั้งหมดแม่ขอรับผิดเพียงคนเดียว ขอร้องอย่าไปถามลูก ๆ อีกเลย เพราะเราทุกคนบอบช้ำกันมากพอแล้ว ต่อจากนี้แม่ขอให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวนะคะ เพราะอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน"
"ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้แม่และน้อง ๆ นะคะ ขอโทษทุกคนที่แม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เป็นแม่ต้องอดทน ควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้ ขอโทษลูก ๆ ทุกคนที่แม่ทำให้เสียใจ ผิดหวัง ต้องเดือดร้อนกันเพราะแม่นะคะ และขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงานของน้อง ๆ คอยให้กำลังใจ ซัพพอร์ตน้อง ๆ มาตลอด ขอบคุณทุกคำที่ตำหนิ ทุกคำด่า แม่ไม่โกรธเลยค่ะเพราะแม่ทำผิดจริง ๆ และจะนำมาปรับปรุงตัวเองให้เป็นแม่ที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคตค่ะ"
ขอขอบคุณเฟซบุ๊ก : Sasikarn Tangprabhaporn