ภายหลัง นางรัตติกาล นกงาม อายุ 46 ปี ยอมรับสารภาพกับตำรวจ ว่าได้ร่วมมือกับลูกชาย คือ นายวรยุทธ์ กลีบบัว หรือ "ต้น" อายุ 30 ปี ( ลูกชายคนโต กับสามีคนแรก ) ฆ่ารัดคอนายวัชระ นกงาม อายุ 52 ปี หรือ "ลุงเบื๊อก" ผู้เป็นสามี ก่อนจะนำศพไปทิ้งอำพรางคดีที่ป่าริมถนนสาย ฝั่งขาเข้าสัตหีบ หลัก กม.25 / 100-200 หมู่ 10 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
6 มีนาคม 2568 เวลา 12.30 น. ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี ได้เดินทางมาทำการเก็บหลักฐานลายนิ้วมือ รวมถึงดีเอ็นเอ ภายในรถยนต์กระบะแคป โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ราชบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุตั้งแต่พา นายวัชระ ขึ้นรถ แล้วใช้สายยางรัดคอจนเสียชีวิต เบื้องต้นพบว่า รถถูกนำไปชำระล้างและทำความสะอาด ซึ่งตำรวจก็พยายามเก็บหลักฐานทั้งลายนิ้วมือ รวมถึงดีเอ็นเอภายในรถ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ , พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ นางรัตติกาล นกงาม อายุ 46 ปี และ นายวรยุทธ์ กลีบบัว หรือต้น อายุ 30 ปี ( ลูกชายคนโต กับสามีคนแรก ) มาทำการจำลองเหตุการณ์บริเวณหน้า สภ.ห้วยใหญ่ โดยระหว่างที่กำลังคุมตัวผู้ต้องหาออกมา สองแม่ลูกมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว
ตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาจำลองเหตุการณ์ ในวันที่ลงมือก่อเหตุ คือเช้ามืด ช่วงเวลาตี 4-5 ของวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งผู้ต้องหาได้จำลองเหตุการณ์ ตั้งแต่นาทีขึ้นขับรถไปรับผู้ตาย ที่อำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง ก่อนที่จะมีการสับเปลี่ยนกันขับรถ ระหว่างแม่กับลูก โดยแม่เป็นคนขับ ส่วนลูกขึ้นไปนั่งบริเวณเบาะหลังแคป จากนั้นก็ขับมุ่งหน้าไป จ.จันทบุรี จนกระทั่งถึงบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถนนทางหลวงหมายเลข 36 ( กระทิงลาย(พัทยา) - ระยอง ) นายต้น ได้ใช้สายยางรดน้ำ เส้นสีน้ำเงิน ยาวประมาณ 50 ซม. รัดคอ นายวัชระ โดยไม่ทันตั้งตัว ใช้เวลารัดคอไม่ถึง 1 นาที ผู้ตายก็สิ้นใจตายไป ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับบ้านพัก ใน อ.นิคมพัฒนา จากนั้นตำรวจได้มีการยุติเหตุการณ์ทันที เนื่องจากระหว่างที่มีการจำลองเหตุการณ์ กลุ่มญาติของผู้ตายได้มายืนตะโกนด่าทอสาปแช่ง ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนหวิดเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย และจะมีการนัดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในวันพรุ่งนี้ 7 มี.ค.2568
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องขอขอบคุณการทำงานของทุกฝ่าย ซึ่งสามารถไขปมปริศนา รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ จนสามารถกดดันให้ผู้ต้องหายอมจำนนต่อหลักฐาน ก่อนที่จะสารภาพความจริง ก่อนหน้านี้ที่ตนเองไม่อยากเปิดเผยข้อมูล เพราะรู้ว่าผู้ต้องหาอีกคน คือ ลูกชาย รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา โดยติดตามผ่านช่องทางการไลฟ์สด เพจใน จ.ระยอง
ส่วนปมเหตุในครั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ ทำไปเพราะสงสารแม่ เนื่องจากแม่ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย ส่วนเรื่องที่ 2 มาจากการที่ผู้ตาย จะไปขายที่ดินในจังหวัดราชบุรี โดยจะได้เงินมาประมาณ 1.1 ล้านบาท และสัญญาว่าจะแบ่งเงินให้ 3 แสน แต่ที่จริงแล้วที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินมรดกที่ผู้ใหญ่ให้ไว้สร้างที่พักอาศัย ไม่สามารถขายได้ เหมือนลักษณะว่ามาหลอกทางผู้ต้องหา จึงเกิดความโมโห จึงรวมกันวางแผนฆ่าดังกล่าว แต่เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ โดยจะทำการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาปมเหตุที่แท้จริง
จากนั้นเวลา 15.45 น. ทางญาติของนายวัชระ ผู้เสียชีวิต มีพี่น้อง และลูกสาวกับภรรยาคนแรก เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีการใช้เสื้อยืดสีขาว เขียนชื่อจริง นามสกุลจริง และชื่อเล่น วางไว้ตรงจุดที่พบศพ จากนั้น นางสาวเป้ อายุ 30 ปี ลูกสาวภรรยาคนแรก (เสื้อสีขาว) จุดธูป เรียกชื่อพ่อ แล้วบอกกับพ่อว่า "พ่อไปสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจกันนะ กลับบ้านไปกับเรานะ อย่าอยู่ตรงนี้เลย ขอให้เจ้าที่เจ้าทางเปิดทางให้ พ่อกลับบ้านกลับบ้านด้วย , หนูชวนกลับบ้านไปอยู่กับหนู ทำไมพ่อไม่กลับมาอยู่กับหนู พ่อไม่คิดถึงหนูบ้างหรอ"
จากนั้นก็ร่ำไห้ เพราะเห็นสภาพที่ศพจริงๆ และไม่คิดว่าพ่อจะมาถูกฆ่า และโยนทิ้งตรงนี้ โดยถือกระถางธูปขึ้นรถตู้ ที่บรรจุโลงศพไว้แล้ว มุ่งหน้าไปยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ