กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยว่าเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียน โดยใช้เสียงเหมือนผู้นำคนนั้น เป็นเสียง AI ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ปกติที่เคยเจอจะเป็นแนวที่ใช้เบอร์โทรแปลกๆโทรมา ซึ่งนั่นทำให้เราทราบว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้บริจาคเงิน
15 มกราคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เผยถึงว่า นายกรัฐมนตรีก็บอกว่าเสียงเหมือนผู้นำต่างประเทศโทรมา และประชาชนหลายคนก็ถูกยกหูว่าเป็นคนนั้นคนนี้ ดังนั้นการขับเคลื่อนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือมีการพูดคุยกับเครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อมาพูดคุยถึงแนวทาง และมาตรการในการประสานความร่วมมือกัน ว่าตำรวจทำอะไร และต้องการให้ เครือข่ายโทรศัพท์ใช้เครื่องมือสมัยใหม่ใส่เข้ามาตรวจสอบการใช้โทรศัพท์
ซึ่งตนเองขอขื่นชม นายกรัฐมนตรี ท่านได้รับโทรศัพท์ แม้จะเสียงเหมือนผู้นำ แต่ท่านก็ไม่หลงกลดังนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศัพท์ การส่งข้อความ การหลอกลวงทางโซเชียลมีเดีย จึงอยากให้ประชาชนทุกคนตั้งหลักว่าไม่เชื่อใดๆเลย
และ ขณะนี้ มีแอพไซเบอร์เช็คของ สอท.ที่ประชาชนเข้ามาโหลดหลายแสนคน ทำให้เกิดความสำเร็จในการแจ้งเตือนประชาชนได้หลายคน
ดังนั้นหากจะทำอะไรก็ตาม ขอให้ตรวจสอบและไม่เชื่อไว้ก่อน ซึ่งเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ขอให้ตั้งสติและตรวจสอบกับปลายทางว่ามีจริงหรือไม่ ในหน่วยวานที่ถูกแอบอ้าง
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ ทางนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการ ซึ่งในส่วนนี้ ทางตำรวจไซเบอร์จะประสานไปยังรองนายกฯ และรัฐมนตรีดีอี เพื่อมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่ผ่านมาตำรวจไซเบอร์มีข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้เอไอปลอมเสียงโทรฯ มาหลอกลวงประชาชน ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ ทั้งโทรฯ มาและใช้เสียงบุคคลที่เรารู้จักหรือคุ้นเคยโทรฯ มาหลอกลวงผู้เสียหาย
ในส่วนข้อสั่งการ คงต้องประสานข้อมูลกับทางดีอี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทางนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายเอาไว้