svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“จ่าเอ็ม” ยอมรับลงมือสังหาร เพื่อตอบแทนบุญคุณ

ผบก.น.1 เผย “จ่าเอ็ม” เครียด และกังวล ต้องใช้ทนายคุยจนไว้ใจให้การ ไม่ประสงค์เจอใคร อ้าง ก่อเหตุโดยไม่ได้เงิน ทำเพื่อทดแทนบุญคุณ ตรวจสอบข้อมูลพบ “จ่าเอ็ม” ไม่เคยไปกัมพูชา แชทผ่านไลน์กับบุคลที่ไม่รู้จัก

11 มกราคม 2568 หลังจาก พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1  และพนักงานสอบสวน สอบปากคำ “จ่าเอ็ม” นานกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.อัฏธพร  ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา  โดยตัวผู้ต้องหา มีความกังวล และเครียดอยู่ตลอดเวลา และพยายามสอบถามว่า ญาติพี่น้องของตัวเองรู้หรือไม่ว่าไปก่อเหตุมา เนื่องจากไม่ได้อยากให้ครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้

“จ่าเอ็ม” ยอมรับลงมือสังหาร เพื่อตอบแทนบุญคุณ

โดยในช่วงแรก ยังไม่ให้ปากคำ เพราะผู้ต้องหาแจ้งว่า เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงต้องขอให้ตำรวจคุ้มกัน ซึ่งพอเจ้าตัวได้เห็นการจัดกำลังคุมเข้ม และได้จัดทนายให้เข้ามาพูดคุย จนทำให้ผู้ต้องหารู้สึกวางใจมากขึ้น จนกระทั่งผ่อนคลายและยินยอมให้ปากคำเอง

ซึ่งจากการพูดคุยแล้ว  โดยตนเองเป็นผู้ร่วมสอบปากคำด้วยนั้น ก็ได้แจ้งกับผู้ต้องหาขอ บันทึกวิดีโอ และเสียงในการสอบปากคำ จากนั้นให้ “จ่าเอ็ม” เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าเป็นมาอย่างไร ตามที่เจ้าตัวอยากจะให้การ เป็นการเล่าเหมือนลักษณะเปิดใจเอง เพื่อให้ผู้ต้องหามีความผ่อนคลาย ซึ่งจากคำให้การที่ผู้ต้องหาเล่า ถือว่าเป็นประโยชน์กับรูปคดี และสอดคล้องกับกล้องวงจรปิด รวมถึงพยานหลักฐานที่มีอยู่

ทั้งนี้ ที่ผู้ต้องหากลัว เพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะเจ้าหน้าที่บางคนไม่ได้ใส่เครื่องแบบ และผู้ต้องหาไม่ได้กลัวว่าจะถูกสั่งเก็บ แต่ถูกซักถามหลายครั้งเลยไม่สบายใจ จนมีทนายความมา เขาจึงไว้วางใจ และทำให้การสอบสวนง่ายขึ้น และจากการสอบปากคำในบางประเด็นผู้ต้องหายังอ้างว่า ไม่รู้ เช่น รู้แค่ชื่อจริง ไม่รู้ชื่อเล่น แต่ผู้ต้องหาอนุญาตให้ตำรวจเข้าถึงข้อมูลทางโทรศัพท์ อธิบายการพูดคุยแชทต่างๆ

พล.ต.ต.อัฏธพร ยังบอกอีกว่า ผู้ต้องหาพักผ่อนน้อย อดนอน ยังจำไม่ได้ทั้งหมด ตำรวจต้องใช้ความอดทน และพยายามให้เขาผ่อนคลาย และการสอบสวนตอนนี้กระจ่างไประดับหนึ่ง ยังไม่ใช่ทั้งหมด ขนาดคนใกล้ชิดเขายังไม่ประสงค์ที่จะเข้าพบ และให้แจ้งว่า ไม่ประสงค์พบใคร ต้องการอยู่คนเดียว

ดังนั้น การสอบสวนต้องใช้ศิลปะ หากเครียดก็ให้เขาพัก และเมื่อให้การเป็นประโยชน์ก็สอบปากคำ และผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และผู้ต้องหา ไม่ประสงค์ที่จะทำแผน แต่ยินดีที่จะเปิดวีดีโออธิบาย ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหา และบางประเด็น ผู้ต้องหาก็สะดวกใจจะให้การ แต่ถ้ายังไม่เต็มใจ ก็จะขอพัก ขอสูบบุหรี่ เพื่อให้ผ่อนคลาย

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่า “รับงานมาจากคนที่ช่วยเหลือเขา เป็นผู้มีพระคุณ ไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ ทำเพราะตอนที่ผู้ต้องหาเดือดร้อน ถูกออกจากราชการ คนคนนี้ให้เงินให้ทองยามเดือดร้อน โทรไปปรึกษาได้ และเมื่อผู้มีพระคุณขอร้องมา เขาตัดสินใจอยู่ระยะหนึ่งจังรับปากเพื่อทำใช้หนี้บุญคุณ โดยผู้มีพระคุณเป็นพลเรือน”

ซึ่งการตัดสินใจใช้เวลาไม่นานประมาน 24 ชั่วโมง เพราะตอนแรกเขาไม่รับปาก แล้วพบว่าผู้มีพระคุณโทรมาเล้าหรือ ซึ่งปรากฎข้อมูลนี้ตรงกับในโทรศัพท์มือถือ และไม่สามารถบอกได้ว่าผู้มีพระคุณนี้เป็นคนไทยหรือไม่

ส่วนผู้มีพระคุณคนนี้จะเป็นผู้ต้องหาในอนาคตด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.อัฏธพร บอกว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาในการสอบสวนก่อน และจะต้องนำมาวิเคราะห์และประกอบกับต้องมีพยานหลักฐานมาประกอบ มากกว่าคำให้การของผู้ต้องหา

พล.ต.ต.อัฏธพร ยังบอกอีกว่า จากการสอบปากคำ “จ่าเอ็ม” ไม่เคยเดินทางไปกัมพูชา เดินทางเป็นครั้งแรก และมีการติดต่อกับบุคคลหนึ่งผ่านทางแชทโทรศัพท์ตลอดว่าให้เดินทางไปตรงไหนอย่างไร และเป็นแชทข้อความผ่านไลน์ กับบุคคลที่ “จ่าเอ็ม” ไม่รู้จัก

และจากการตรวจสอบในโทรศัพท์ ก็พบว่า ผู้สั่งการได้มีการส่งรูป และรายละเอียดของเป้าหมายมาให้กับตัวผู้ต้องหา เพื่อให้ทราบรายละเอียด  โดยใช้วิธีส่งผ่านทางข้อความไลน์  เป็นภาษาไทย

ส่วนคนชี้เป้า ยังไม่ได้ให้การเรื่องรายละเอียดชัดเจนว่า รู้จักกันมาก่อนหรือไม่  ซึ่งจะต้องตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ โดยพบว่าในระหว่างที่ก่อเหตุ มีคนส่งข้อความมาบอกให้ในเอ็มไปตามจุดต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อรอให้เป้าหมายมาถึง  ซึ่งในส่วนของผู้สั่งการต้องรอรวบรวมหลักฐานว่ามีการโอนเงินมาจ้างวานในการสั่ง สังหาร หรือไม่

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบแชทข้อความทั้งหมด รวมถึงเส้นทางการเงิน เพราะบางอันก็ยังให้การไม่ตรง

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหามีความเครียด คืนนี้ สน.ชนะสงคราม จะจัดกำลังเพื่อดูแลอย่างใกล้ขิดตลอดทั้งคืนด้วย