เจอแล้วปืนที่ใช้สังหาร สส.กัมพูชา งานนี้ "จ่าเอ็ม" พาญาติซวยด้วย

9 มกราคม 2568 ความคืบหน้าคดี ยิง "นายลิม กิมยา" อายุ 73 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้าน กัมพูชา เสียชีวิตระหว่างเดินทางมาประเทศไทย กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่บริเวณเกาะกลางถนน ย่ายบางลำพู โดยขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมมือยิง นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือเอ็ม กองเรือ หรือจ่าเอ็ม อดีตนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้ที่พระตะบอง กัมพูชา เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (8 ม.ค.) และอยู่ระหว่างประสานขอตัวมาสอบสวนดำเนินคดีในไทย

ล่าสุด มีรายงานข่าวจากชุดทำคดีสังหารอดีต สส.กัมพูชา ระบุว่า ขณะนี้ตำรวจสืบภาค 2 นำโดย พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 โดย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ. 2 เฝ้าระวังและติดตามจับกุมคนร้ายในคดีนี้

โดยวันนี้พี่ชายของจ่าเอ็ม ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจว่า จ่าเอ็มได้ติดต่อมาหาทางไลน์หลังวันก่อเหตุ บอกว่า จะนำนำสิ่งของมาฝากไว้ เพราะจ่าเอ็มมีธุระต้องรีบไป ต่อมาทราบภายหลังว่า สิ่งของที่นำมาฝากไว้นั้นคือ อาวุธปืนสั้น ลูกโม่ พร้อมกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืน

ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนสั้น ยี่ห้อ สมิท แอนด์เวสสัน 2 นิ้ว  ลูกโม่ 5 นัด ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก ,ลูกกระสุนปืน .38 จำนวน 6 นัด ปลอกกระสุนปืนที่ยิงแล้ว 2 นัด ไว้เป็นของกลาง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า อาวุธปืน มีการขูดลบหมายเลขและทะเบียนออกไป  จึงนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม บช.น.เพื่อตรวจพิสูจน์ความเกี่ยวข้องในคดีต่อไป


แท็กซี่ยันไม่ได้นัดแนะไปรับ "จ่าเอ็ม" พร้อมเผยพฤติกรรมขณะหลบหนี 

ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวีโทรศัพท์ไปพูดคุยกับคนขับแท็กซี่สีเขียวเหลือง คันที่ "จ่าเอ็ม" จ้างให้ขับไปส่งที่บ่อวิน ที่ปรากฎอยู่ในภาพกล้องวงจรปิด  โดยคนขับแท็กซี่ เล่าให้ฟังเลยว่า ตนตกใจหลังจากทราบข่าวว่า ลูกค้าที่ตนเองไปส่งที่บ่อวิน ไปฆ่าคนตาย ประมาณเที่ยงเมื่อวาน (8 ม.ค.) จึงโทรไปหา สน.ชนะสงคราม ทันที เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเล่าให้ฟังว่า ตนไปส่งลูกค้าที่พัทยา แล้วกำลังจะกลับไปรอรับลูกค้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็เลยไปจอดรถเพื่อเติมแก๊สในปั๊มแก๊ส เลียบมอเตอร์เวย์ จากนั้นระหว่างรอเติมแก๊ส ตนก็เดินลงไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับจ่าเอ็ม 

ซึ่ง “จ่าเอ็ม" ได้ถามว่า ถ้าจะไปบ่อวินเท่าไร ผมบอก 1,200 บาท แต่ จ่าเอ็ม โอนจ่ายเงินมา 1,500 บาท โดยจ่าเอ็มบอกว่า จะไปงานศพที่ จ.จันทบุรี ให้ไปส่งที่หน้าโลตัสบ่อวิน” แล้วพอไปส่งที่หน้าโลตัส ก็มี เด็กวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มารับ พอลงจากรถไปก็เห็นยืนคุยกันที่ป้ายรถเมล์หน้าโลตัสบ่อวิน หลังจากนั้นส่งเสร็จ ตนก็ขับรถออกมาเลยไม่ได้สนใจต่อ

คนขับรถแท็กซี่ยังเล่าอีกว่า จ่าเอ็ม มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถ ระหว่างทางไปบ่อวิน ตอนแรกเขาใส่สีขาวที่ไปก่อเหตุ มีเสื้อวิน สวมอยู่ แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวที่ปรากฎเป็นข่าวที่โดนจับที่กัมพูชา โดยคนขับแท็กซี่ ยืนยันเลยว่า ไม่ได้มีการนัดแนะกับจ่าเอ็มเพื่อให้ไปรับมาก่อนแน่นอน 

คนขับแท็กซี่ ยังยอมรับว่า ตนสังเกตเห็นจ่าเอ็มมีท่าทีผิดสังเกตุ มีพิรุธ ดูลุกลี้ลุกรน แต่ไม่กล้าถามเพราะเขาดูน่ากลัว ตอนขึ้นรถ ก็ไม่พูดจนตัวเองเริ่มคุยก่อน จ่าเอ็มก็เริ่มคุยปกติ และตอนที่ตนไปเข้าห้องน้ำ ก็ไม่รู้ว่า รถที่จอดอยู่หน้าห้องน้ำ คือรถจักรยานยนต์ของจ่าเอ็ม ซึ่งตนเองก็มีถามจ่าเอ็มว่า พี่ใส่เสื้อวินและรถพี่ไปไหน จ่าเอ็มบอก รถมอเตอร์ไซค์เขาเสีย

และระหว่างทาง คนขับรถแท็กซี่ ก็สังเกตุเห็นอีกว่า จ่าเอ็มแชตโทรศัพท์ตลอดเวลา และมีบางช่วงใช้การพูดคุยโทรศัพท์ 
 

“ผมได้ยินเขาพูดว่า ฝั่งพี่เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีมั้ย” ซึ่งตอนอยู่บนรถ เขาก็ยังดูหวาดระแวง ดูไม่ค่อยเหมือนคนปกติ และสีหน้าจ่าเอ็มดูเครียดมาก