6 มกราคม 2568 ความคืบหน้าคดีนักศึกษาจีนและชาวจีน 27 คน จัดอบรมอาสาตำรวจ โดยใช้เครื่องหมาย หมวก เสื้อ ตราสัญลักษณ์ของตำรวจ ภายในมหาวิทยาลัยสยาม ช่วงบ่ายวันนี้ (6 ม.ค.) ที่ สน.ภาษีเจริญ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของมหาวิทยาลัยสยาม ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ ซึ่งตำรวจได้มีการสอบถามประเด็นว่ามหาวิทยาลัยมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ , ทราบรายละเอียดการเริ่มต้นโครงการหรือไม่ , ใครเป็นผู้จัดอบรม และทางมหาวิทยาลัยได้อนุญาตหรือไม่ ทราบหรือไม่ โดยมีพ.ต.อ.กิตติพงศ์ พันธ์ศรี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ในฐานะรักษาราชการแทน ผู้กำกับการ สน.ภาษีเจริญ ร่วมสอบปากคำด้วยตนเอง
พ.ต.อ.กิตติพงศ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตำรวจ ในฐานะผู้กล่าวหาในคดี เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ในข้อหาใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ.2482’ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หลังจากผู้จัดอบรมได้นำสัญลักษณ์ของตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจนครบาล ไปใช้ โดยเป็นการดำเนินคดีในเบื้องต้น ที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ไปแล้ว
ส่วนอาจารย์ และนักศึกษา มหาวิทยาลัยสยาม อยู่ระหว่างติดต่อเข้ามาให้ปากคำ รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้อง 2 นาย ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรด้วย ก็จะต้องทำการสอบสวนเช่นกัน ขณะที่บุคคลภายนอก 13 คน ที่เป็นชาวจีน ได้มีการติดต่อเข้ามาสอบปากคำแล้ว 2 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อให้มาให้ปากคำ ซึ่งพบว่า ทั้ง 11 คนที่เหลือ และ นศ.ชาวจีน บางส่วนก็อยู่ในประเทศไทย แต่ติดต่อไปแล้วยังไม่สะดวกเข้ามา บางส่วนก็อยู่ที่ประเทศจีน จึงอยู่ระหว่างให้เพื่อนชาวจีนติดต่อและประสานเข้ามาให้ปากคำ
สำหรับผู้ที่กระทำความผิด ขณะนี้ พบว่ามี1รายคือ นาย Li Ming Long (หลี่หมิงหลง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมการค้าวาณิชธุรกิจไทย-จีน ซึ่งเป็นผู้จัดโครงการอบรม และจัดหาอุปกรณ์ เสื้อ ที่ใช้ในการอบรม ซึ่งได้เข้ามามอบตัวเมื่อวันเสาร์ที่ 4 ม.ค. โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งบุคคลนี้เป็นบุคคลภายนอก ชาวจีน และตำรวจได้ผัดห้องฝากขังไปแล้ว
ส่วนจะปรากฎใครที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเรื่องนี้อีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งคนที่กระทำผิด และพยานที่เกี่ยวข้อง ก็จะเรียกมาสอบปากคำประกอบคดี
ส่วนผู้เสียหายที่จ่ายเงิน 38,000 บาท ขณะนี้ยังไม่มีการมาร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยใน 13 รายที่เป็นบุคคลภายนอก ที่ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว 2 ราย ให้การว่า เขาสมัครใจที่จะเข้ามาอบรมและเต็มใจจ่ายเงิน ซึ่งเงิน 38,000 บาท ที่ปรากฎทางโซเชียล เป็นเงินตั้งแต่ริเริ่มโครงการที่จะไปจัดที่พัทยา ในวันที่ 25 ธ.ค.แต่สถานที่ไม่สะดวก จึงมาจัดที่ มหาวิทยาลัยสยาม และลดค่าใช้จ่ายลงเหลือ 33,000 บาท เฉพาะบุคคลภายนอก ส่วนบุคคลภายในมหาวิทยาลัย และนักศึกษา ไม่ได้เก็บเงิน และอีก 11คน จะมีผู้เสียหายหรือไม่นั้น จะต้องสอบปากคำก่อน โดยขอฝากด้วยว่า ท่านใดเป็นผู้ได้รับความเสียหายและโดนหลอกลวงอะไรมาก็ให้มาให้ปากคำที่ สน.ภาษีเจริญ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำทางคดี
ทั้งนี้ ตัวแทนมหาวิทยาลัยจะเอาผิดด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบปากคำ แต่ยังไม่ได้แจ้งมาว่าประสงค์จะดำเนินคดีหรือไม่ ส่วนจะต้องประสานกระทรวง อว.เพื่อตรวจสอบโครงการอบรมอาสาตำรวจ หรือไม่นั้น มองว่า ต้องให้กระทรวง อว.ทำการตรวจสอบก่อนว่า มหาวิทยาลัยเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดก็คงมาแจ้งความ