18 ธันวาคม 2567 กลุ่มผู้เสียหายคดีดิไอคอนกรุ๊ป กว่า 100 คน นำกระเช้าดอกไม้ เข้าขอบคุณสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง.ที่เปิดให้ผู้เสียหายแจ้งความจำนงค์ของการคุ้มครองสิทธิ์ จากความเสียหายของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป และอายัดทรัพย์สินของเหล่าบอสไว้ ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้ที่แจ้งความประสงค์ขอคุ้มครองสิทธิ์แล้ว ประมาณ 500 คน และอยู่ระหว่างแสดงเจตจำนงอีกจำนวนมาก รวมแล้วประมาณ 1,600 คน ที่จะดำเนินการขอยื่นสิทธิ์รับการเยียวยาด้วยการเฉลี่ยทรัพย์สินคืนไม่เกินวันที่ 17 ก.พ.นี้ รวมระยะเวลา 90 วันของการประกาศ
นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและ โฆษก ปปง. เป็นตัวแทนรับมอบกระเช้าดอกไม้ และเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายและสื่อมวลชนสอบถาม โดยระบุว่า ปปง. อยู่ระหว่างการประกาศให้ผู้เสียหาย เข้ามายืนยันเพื่อเข้าคุ้มครองสิทธิ์ตามระเบียบของ ปปง.โดยย้ำว่า ผู้เสียหายไม่ต้องกังวล สามารถยื่นสิทธิ์ได้ 3 ช่องทาง คือเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ปปง.ด้วยตนเอง หรือยื่นเอกสารทางไปรษณีย์ รวมทั้งช่องทางออนไลน์
สำหรับทรัพย์สินของดิไอคอนกรุ๊ปที่ ปปง.ยึดอายัดไว้ชั่วคราวรวม 320 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร แต่เจ้าของทรัพย์สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์ได้ 30 ล้านบาท จึงเหลือประมาณ 286 ล้านบาท ที่ยึดอายัดไว้ชั่วคราวนั้น โดยเจ้าของทรัพย์สามารถชี้แจงต่อศาลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่ หากผิดทรัพย์สินก็จะถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินแต่หากไม่ผิดก็ต้องคืน พร้อมระบุทรัพย์ดังกล่าวยังไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์หรูที่ตำรวจและดีเอสไออายัดไว้ ซึ่งจะมีการเสนอเรื่องเข้ามาที่คณะกรรมการธุรกรรมทางการเงินเพื่อมีมติต่อไป
นายวิทยา ยืนยันว่า การดำเนินคดีฟอกเงินของ ปปง.ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ปปง.สามารถตรวจยึดอายัดไว้ชั่วคราวได้ โดยไม่ต้องรอผลคดีหลัก ซึ่งการตรวจสอบของ ปปง.นั้นจะดูพฤติกรรมว่า เข้าฉ้อโกงหรือไม่ มีการกระทำผิดตั้งแต่เมื่อไหร่และเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินอย่างไร ไม่ว่าบริษัทจะจดทะเบีบนถูกต้องหรือผิดกฎหมาย ก็สามารถดำเนินการได้ รวมถึงจะต้องตรวจสอบคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแม่ข่ายในแถวสองหรือสาม ย้ำว่าสุดท้ายแล้วหากมีการยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ทาง ปปง.ก็มีขั้นตอนในการเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหาย โดย ปปง.จะกำหนดอัตราการคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายแต่ละคน จากนั้นจะเสนอให้ศาลเป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งตามขั้นตอน แต่ยอมรับว่ากระบวนการขั้นตอนต่างดังกล่าวนั้นต้องใช้ระยะเวลา
อย่างไรก็ตาม ทาง ปปง.ยอมรับว่า ทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลหรือคริปโตฯ ที่เกี่ยวกับการกระทำผิด จะติดตามได้เฉพาะองค์กรที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ที่เดียว ส่วนบริษัทที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย จะต้องใช้หลายช่องทางในการติดตาม
ขณะที่ทางด้านตัวแทนผู้เสียหาย ได้ตอบโต้จดหมายบอสพอล โดยฝากถึงบอสพอลและบอสต่างๆ ที่เขียนในจดหมายว่า ไม่รู้ต่อสู้อยู่กับใครนั้น อยากให้เหล่าบอสรู้ว่า ก็ต่อสู้อยู่กับคนที่หมดเนื้อหมดตัวจากการลงทุน เพราะบริษัทไม่บอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ที่ให้ชักชวนคนให้มาเปิดดีลเลอร์ จนหลายคนนำเงินก้อนสุดท้ายมาลงทุน จนเครียดและฆ่าตัวตาย ส่วนตัวบอสก็เอาแต่สร้างภาพไปทำบุญ โดยไม่รู้เลยหรือว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับบริษัท