20 พฤศจิกายน ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ในและฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567
กรณีการดำเนินคดีอาญากับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่ 11 บอสชายดิไอคอนว่า ประเด็นที่จะเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาในวันนี้คือประเด็นจากมติที่ประชุมเมื่อวันศุกร์ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะพนักงานสอบสวนได้ร่วมกันประชุมแล้วเห็นว่ามีบางประเด็นที่เรามีข้อสงสัย จึงต้องมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมทั้ง 11 บอสชายเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง
โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยว่า ประเด็นในการสอบปากคำ 11 บอสชาย เป็นไปตามมติที่ประชุม ซึ่งมีบางประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยที่ต้องสอบสวนทั้ง 11 คนเพิ่มเติม จะต้องมีการสอบสวนในทุกข้อหา ทุกประเด็น
และในวันนี้ จะเป็นการมาพูดคุยกับ11ผู้ต้องหาให้เข้าใจด้วยว่า เบื้องต้นมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรภายในเวลา 15 วัน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนภายในวันที่ 3 ธันวาคม เพราะจะต้องสรุปสำนวนให้เสร็จตามกำหนดระยะเวลา
ทั้งนี้ถ้า 11 คนไม่ส่งเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหา ก็จะพิจารณาจากสำนวนที่มีอยู่ ส่วนหลังจากนั้นหากผู้ต้องหา ต้องการให้การเพิ่มเติม ก็สามารถยื่นตรงต่อพนักงานอัยการได้เลย และในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จะเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานของทุกฝ่าย
ส่วนการฝากขังผู้ต้องหาในผัด 5 -7 ยืนยันว่า จะยังคงค้านประกันตัว ตามหน้าที่ของตำรวจที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา และการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาก็สามารถทำได้ภายในเรือนจำ ผ่านทนายความ
ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนจะเข้าไปสอบปากคำบอสพอลเพิ่มเติม ในประเด็นปมคลิปเสียงเงินเรียกเงิน10ล้านบาทที่ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช อ้างว่าจะจ่ายให้ดีเอสไอ เบื้องต้นได้มีการเข้าไปสอบปากคำน.ส.กฤษอนงค์แล้วเมื่อวานนี้ซึ่ง น.ส.กฤษอนงค์ ได้ยืนยันตามโพสต์ที่เคยโพสต์ไว้ใน Facebook แต่ไม่ให้การยืนยันตามคลิปเสียง แต่ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่พูดคุยกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
และการตรวจสอบ จะตรวจสอบจากบุคคลภายในอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องให้บุคคลภายนอกที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นบุคคลที่สื่อมวลชนและประชาชนเชื่อถือเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อให้มีความเป็นกลาง และสามารถชี้ได้ว่าคดีที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้
และหากตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมีการพิจารณาว่าบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐคนไหนได้รับความเสียหายบ้าง ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานภาครัฐ ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องได้รับการตรวจสอบ เพราะในหลักการสากลจะต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่ ก็ต้องออกมาชี้แจงกับสังคม ส่วนจะพาดพิง ถึงหน่วยงานองค์กรและมีผลกระทบหรือความเสียหายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนที่มีการอ้างว่ามีการจ่ายสินบนให้กับเทวดาประจำดีเอสไอ ประเด็นนี้มีการสอบสวนไปแล้วครั้งหนึ่ง และได้รับการยืนยันแล้วว่า ‘ไม่มี’ และอาจจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลภายนอก ส่วนการตรวจสอบภายใน เบื้องต้นในระยะแรกมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการ ให้ผู้ที่รับผิดชอบต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และชี้แจงต่อสาธารณะชนโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายถูกอายัดบัญชีไว้ตรวจสอบกว่า 40 คน โฆษกดีเอสไอ ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่ดีเอสไออยู่ระหว่างการพิจารณา เป็นการอายัดโดยอัตโนมัติ หรือ AOC (Anti Online Scam) โดยหลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกันระหว่างตำรวจกับดีเอสไอ โดยอธิบดีดีเอสไอจะเรียกหารือโดยเร่งด่วน แล้วจะมีการประชุมกันในวันพรุ่งนี้
โดยจะต้องมีการรับรอง บัญชีที่ถูกอายัดเป็นบัญชีที่กนะทำความผิดจริงๆ ตามความผิดมูลฐาน ส่วนบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องต้องรีบคืนให้เจ้าของบัญชี มีกรอบระยะเวลาที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่มีหน้าที่ถอนในขณะนี้ คือดีเอสไอในฐานะเจ้าของคดี ส่วนทรัพย์สินของ 18 บอสที่ถูกอายัดมา ทางสำนักงาน ปปง. เตรียมประกาศการดำเนินการทางเพ่งว่าจะขายทอดตลาด ประมูล หรือดำเนินการอย่างไร
ทนายวิฑูรย์ ร่วมรับฟังการสอบปากเพิ่มเติม 11 บอสชายดิไอคอน
ด้าน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอลและบอสดิไอคอนกรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมรับฟังการสอบปากคำเพิ่มเติม 11 บอสชายดิไอคอนกรุ๊ป ว่า
วันนี้เป็นการสอบปากคำในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางเคยสอบปากคำไปแล้ววันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่พฤติการณ์รายละเอียดเนื้อหาว่า
คนที่แต่ละคนแจ้งความมีพฤติการณ์อ้างว่าฉ้อโกงอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะยังไม่ครบถ้วนในประเด็นต่างๆ เพราะที่ให้การในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาที่ถูกจับกุม และค้านประกัน และยังมีการสอบปากคำผู้เสียหายไม่ครบถ้วนด้วย รวมถึงยังไม่ได้รู้จักผู้กล่าวหาทุกคน
วันนี้อาจจะทำให้รู้จักชื่อหมื่นกว่าคนได้ ซึ่งวันนี้หากมีการเปิดชื่อทีละคนมา ก็คงจะเปิดระบบหลังบ้านให้ดูว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ เพราะมีทั้งคนที่สั่งซื้อสินค้าได้ของไปแล้วแต่ขายไม่ได้ /กลุ่มที่เปิดบิล2500บาท แล้วซื้อกินซื้อใช้ได้ของไปหมดแล้วจะเป็นผู้เสียหายได้อย่างไร /และกลุ่มที่มาซื้อสินค้าเพราะแม่ทีมชักชวนเข้ามา
ซึ่งแม่ทีมอาจจะไปการันตีหรืออะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องของแม่ทีมกับผู้เสียหายหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับบอส 18 คน และวันนี้ตนเองก็ยังไม่ทราบว่าดีเอาไอจะถามอะไรบ้าง แต่มีกรอบระยะเวลา 2 วันในการสอบปากคำ ซึ่งหากมีประเด็นไหนที่ตอบได้เลยก็จะตอบ แต่หากประเด็นไหนที่ยังไม่สามารถตอบได้ก็จะยังไม่ตอบ โดยจะส่งเอกสารคำให้การเพิ่มเติมภายหลัง
ส่วนคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในการแก้ข้อกล่าวหา ตามกรอบระยะเวลา 15 วัน และดีเอสไอจะขีดเส้นครยกำหนดในวันที่ 3 ธ.ค.นั้น
ทนายวิฑูรย์ บอกว่า คงจะมีการขอขยายระยะเวลาออกไป เพราะการสู่คดี มีเอกสารจำนวนมากเป็นลังๆ รวมถึงมีระบบคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเปิด ซึ่งคนที่รู้ข้อเท็จจริงคือ 18คนที่อยู่ในเรือนจำ ทนายความอาจจะรู้จากสิ่งที่ผู้ต้องหาเล่าให้ฟัง แต่พอมาดูรายละเอียดของเอกสารในแต่ละตัวก็ต้องมานั่งทำความเข้าใจ
ดังนั้นการต่อสู้คดีค่อนข้างลำบากมากๆ ก็จะสู้คดีได้แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นคำพูด หรือข้อกฎหมายที่ทนายเอามาใช้ แต่มีอุปสรรคเนื้อหาของเอกสารเพราะไม่ได้รับการประกันตัว จึงจะขอขนายเวลาเพิ่มอีก15วัน เพื่อให้ได้มีโอกาสในการขี้แจงข้อเท็จจริง
และหากวันนี้ ดีเอสไอจะมีการสอบปากคำ ในข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.ก.แชร์ลูกโซ่ และพ.ร.บ.ขายตรง ในวันนี้ ก็มองว่า พร้อมให้ความร่วมมือแต่ ในบางคำถามที่สามารถตอบได้ แต่บางคำถามที่มีเอกสารสนับสนุน ก็ต้องขอส่งเอกสารคำให้การในภายหลังเช่นกัน
พร้อมยอมรับว่า ทีมทนายความ เริ่มมีความเครียด เนื่องจากมีรายละเอียดเอกสารในการชี้แจงกับดีเอสไอมีจำนวนมาก แต่การอยู่ในเรือนจำของผู้ต้องหา ทำให้การชี้แจงข้อเท็จจริงทำได้ไม่ดี และมองเป็นเหมือนการไม่ได้รับความเป็นธรรมส่วนนี้
ทนายวิฑูรย์ ยังบอกถึงเรื่องคลิปเสียงที่นางสาวกฤษอยงค์ มีการอ้างถึงการจ่ายสินบนให้ดีเอสไอนั้น ซึ่งวันนี้ดีเอสไอจะเข้ามาสอบปากคำบอสพอลด้วยว่า บอสพอลก็คงจะยืนยันว่าเป็นคลิปเสียงจริงว่านางสาวกฤษอนงค์ พูดกับเจ้าตัวจริงๆไม่ได้ตัดต่อ ทำให้เข้าไปใจไปตามคลิปเสียง และเป็นการพูดกล่าวอ้างขึ้นมาจนเป็นที่มาของการจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายในกลุ่มของนางสาวกฤษอนงค์ที่มีการเจรจากัน 89 คน
ส่วนคลิปเสียง 20 ล้านบาทที่ นางสาวกฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ อ้างจะพาไปออกรายการ นั้น เมื่อวานนี้ก็ได้แจ้งความดำเนินคดีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในข้อหาพยายามฉ้อโกง ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ให้ปากคำ เพราะตำรวจยังติดการสอบปากคำ คดีหทิ่นประมาทรัฐมนตรีอยู่โดยหลังจากนี้จะไปให้ปากคำภายหลังแต่จะดำเนิยการให้ไวที่สุดเพื่อให้ทันกรอบระยะเวลา 10 วันตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ไว้
ส่วนกลุ่มมที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย 89 คนที่เป็นกลุ่มของนาวสาวกฤษอนงค์ และบอสพอบได่จ่ายเฝินให้ไปแล้ว รวม 8.3 ล้านบาทนั้น
ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ทั้ง 89คนเป็นผู้เสียหายทั้งหมดหรือไม่ แต่มีความมั่นใจว่าไม่ใช่ผู้เสียหายทั้งหมด โดยคาดว่าจะมีการแจ้งความเอาผิดในฐานร่วมกันฉ้อโกงได้ประมาณต้นเดือน ธ.ค.นี้
ส่วนการยื่นประกันตัวบอสวิน เมื่อวันเสาร์ แล้วศาลไม่ได้ไต่สวนตามคำร้องขอไต่สวน ก็เคารพคำสั่งของศาล ไม่ได้ดูหมิ่น แต่ขอสื่อสารทางตรงว่า รัฐธรรมนูญให้สิทธิการประกันตัวกับผู้ที่ถูกกล่าวหา และทั้ง18คนตามรัฐธรรมนูญยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงควรมีสิทธิการประกันตัว
“การประกันตัวควรเป็นสิทธิไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ตอนนี้ ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการยุติธรรมที่ การประกันตัวเป็นข้อยกเว้นไม่ใช่สิทธิ จึงอยากฝากกระบวนการยุติธรรมว่าใช่หรือไม่”