svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"บิ๊กเต่า" ขอเวลา 10 วัน ทำคดี "‘ฟิล์ม-เจ๊พัช" พบเส้นเงินใหม่กรณีนาย ส.

"บิ๊กเต่า" ประชุม 6 คดีเกี่ยวข้องกับ "ดิไอคอนกรุ๊ป" ขอเวลา 10 วัน ทำคดี "‘ฟิล์ม-เจ๊พัช" ส่วนคดี "เอก สายไหมต้องรอด-พยานเท็จ" คาดชัดเจนสัปดาห์นี้ เผยพบเส้นเงินใหม่ แม่โอน 10 ล้านให้นาย ส.

18 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้เรียกประชุมตำรวจสังกัด เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี "ดิไอคอน กรุ๊ป" ในหลายประเด็น พร้อมเปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้มีการหารือ 5-6 ประเด็น เรื่องแรกคือ กรณีของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกงซึ่ง มี 4 เรื่องย่อย ประกอบด้วย

1.การเรียกรับเงิน 7.5 แสนบาท ส่วนนี้ได้ดำเนินการออกหมายจับไปแล้ว
2.กรณีที่ "หนุ่ม กรรชัย" เข้าแจ้งความหมิ่นประมาท จากการที่ น.ส.กฤษอนงค์ มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์แลกกับการออกรายการ
3.กรณีที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้ทนายความ มาแจ้งความหมิ่นประมาท
4.กรณีที่ "บอสปัน-ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร" ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่ น.ส.กฤษอนงค์ ร่วมกับ "ฟิลม์-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" มีการเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาท ตามคลิปเสียง โดยตัวแทนผู้เสียหายประสานตำรวจว่า จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ในวันที่ 19 พ.ย. นี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า กรณีของ "ฟิล์ม" และ น.ส.กฤษอนงค์ ตำรวจจะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ส่วนจะต้องเรียกตัว "ฟิล์ม" หรือผู้กล่าวหา มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะออกหมายจับหรือหมายเรียกเลยหรือไม่นั้น ก็ต้องขอดูเรื่องราวทั้งหมดก่อน และจากการสอบสวนเบื้องต้น ในส่วนอดีตสามีของ น.ส.กฤษอนงค์ ยังไม่พบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในการกระทำความผิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.
 

ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม อธิบายเพิ่มเติมว่า มี 3 เรื่องที่กองปราบฯ รับไว้ดำเนินการคือ กรณีคลิปเสียง 20 ล้าน ที่ยังรอผู้เสียหายมาแจ้งความ คดีหมิ่นประมาทที่ "หนุ่ม กรรชัย" แจ้งความ และที่รัฐมนตรีฯ มาแจ้งความ ทำให้ต้องรวบรวมพยานหลักฐานและสอบพยานที่เกี่ยวข้องก่อน จึงขอเวลา 10 วัน ในการดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ ชุดสืบสวนได้เก็บรวบรวมหลักฐานไว้ประมาณหนึ่งแล้ว

ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันได้ว่า มีพยานวัตถุที่สำคัญคือคลิปเสียง จึงต้องสอบปากคำพยานมาประกอบ ทั้งนี้ จะเข้าข่ายความผิดข้อหาใดนั้น ต้องดูพฤติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นพยายามฉ้อโกง หรือพยายามกรรโชกทรัพย์ ดูเจตนารมย์ของผู้ต้องหาแล้ว เป็นการข่มขู่บริษัทมากกว่า จึงต้องขอถอดคลิปเสียงโดยละะอียดอีกครั้ง 

“หากข้อเท็จจริง เป็นการหลอกเพื่อเอาเงิน 20 ล้าน ก็เป็นการพยายามฉ้อโกง แต่หากสิ่งที่พูดเป็นการใช้ถ้อยคำข่มขู่ให้กลัวว่า จะต้องถูกดำเนินการ ทำลายให้เสียงชื่อเสียง ก็จะเป็นพยายามกรรโชกได้ จึงจะต้องทำการพิจารณาเพื่อหาข้อยุติเรื่องข้อหาอีกครั้ง และพยานวัตถุที่เป็นคลิปเสียงชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้พูดมีเจตนาอย่างไร ใช้ถ้อยคำอย่างไร วิญญูชนก็ดูรู้ว่าเป็นการพูดหลอกหรือข่มขู่ด้วย” โดยในคดีคลิปเสียง 20 ล้าน คงจะต้องสอบปากคำประมาณ 10 ปาก รวมถึงบอสปันด้วย
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม
 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังระบุอีกว่า ในการประชุมวันนี้ ยังมีการติดตามความคืบหน้าคดี ของ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊กสายไหมต้องรอด จากกรณีพยานเท็จ ขณะนี้ความคืบหน้าอยู่ที่ประมาณ 90% หากไม่ติดปัญหา จะมีความชัดเจนในคดีภายในสัปดาห์นี้ ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับนั้น ก็ขอคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน ส่วนจะถูกดำเนินคดีข้อหาอะไรนั้น ทางผู้เสียหายมาร้อง ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจะต้องพิจารณาว่า เข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยหรือไม่ และยังสรุปไม่ได้ว่าจะโดนดำเนินคดีทั้ง นายเอกภพ และพยานเท็จ 2 คน เลยหรือไม่ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ยังบอกถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของดิไอคอนกรุ๊ป และไปเชื่อมโยงกับเป็นกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่การสืบสวนคดีหลักอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วยว่า ทางตำรวจพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายสามารถ เป็นการโอนเงินจากแม่ ไปยังนายสามารถประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ และน่าสนใจ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ว่าบัญชีที่รับเงินใครถือบัญชี

ขณะนี้ ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับนายสามารถได้ เพราะยังไม่มีการร้องทุกข์แจ้งความ ส่วนการแต่งตั้งต้องสอบถามไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อความชัดเจน ทั้งนี้แม้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่บางช่วงนายสามารถก็เป็นเจัาหน้าที่รัฐ ซึ่งก็อาจจะเข้าข่ายได้ ดังนั้นเมื่อดีเอสไอตั้งข้อหาฟอกเงิน จึงต้องตรวจสอบว่า จะเข้าข่ายเป็นคดีอาญาทุจริตได้หรือไม่ ต้องเอาหลักฐานไทม์ไลน์มาประกอบต้องขอเวลาดำเนินการก่อนว่า จะสามารถเอาผิดนายสามารถได้หรือไม่  ถ้าไม่ได้ก็จะต้องทำรายงานการสืบสวน ส่งไปให้ดีเอสไอ เพื่อประกอบเรื่องของการฟอกเงิน

สาเหตุขณะนี้ ยืนยันว่า ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินคดี เป็นแค่การตรวจสอบ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบว่า ต้นทางของเงินจำนวนนี้มาจากที่ใด ทราบเพียงว่าเงินจำนวนนี้เกิดขึ้นช่วงปี 2564 - 2567 

“พบเส้นเงินเดียว 2 ล้านกว่า แต่พบบัญชีมารดา โอนให้สามารถอีก 10 กว่าล้าน จึงยังแตกต่างกัน แสดงว่าต้องมีบัญชีไหนที่เข้ามาอีก นอกจากบัญชีของบอสพอล ขึงต้องไปตรวจสอบเส้นเงิน แตกเส้นเงินโดยละเอียด ซึ่งเงินจำนวน 10 กว่าล้าน ในระยะเวลา 2-3 ปี คนธรรมดาไม่สามารถไปหาได้ง่าย จึงมองว่าเป็นเงินที่ผิดปกติ”

ทั้งนี้ต้องขอดูเส้นเงินทั้งหมดก่อน เพราะนายสามารถมีความเชี่ยวชาญด้านแชร์ลูกโซ่ คล้ายกับ น.ส.กฤษอนงค์ จึงไม่ทราบว่า การทำธุรกิจของนายสามารถ จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ประกอบการไหนอีกหรือไม่ 
\"บิ๊กเต่า\" ขอเวลา 10 วัน ทำคดี \"‘ฟิล์ม-เจ๊พัช\" พบเส้นเงินใหม่กรณีนาย ส.