วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล และบอส "ดิไอคอนกรุ๊ป" ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ถึงประเด็นที่ นางสาวกฤษอนงค์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.2567) ที่ยืนยันว่าไม่ใช่การตบทรัพย์ แต่เป็นการเสนอแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อแก้ภาพรวมทั้งหมด เป็นบิสสิเนสแพลนนั้น
โดย ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ไม่ใช่เรื่องจริงในการเสนอแผนธุรกิจ เพราะหากเป็นบริษัทพีอาร์ ดิไอคอน มีการจ้าง บริษัทพีอาร์อยู่แล้ว และมีบริษัททำป้ายโฆษณาอีกบริษัท จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างเขา และช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทีมทนายความของตนเองเข้ามาทำงานแล้วในการต่อสู้คดีทั้งหมด จึงไม่มีความจำเป็นต้องจ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หรือจะเป็นการเสนอแผนการแก้ปัญหาในเวลานั้น ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า ‘ไม่ใช่’ เพราะถ้าจะเสนอแผนการแก้ปัญหา ทำไมต้องไปร้อง สคบ. และมีหลายรายการที่ กฤษอนงค์ ไปกล่าวหาว่า ดิไอคอนเป็นแชร์ลูกโซ่ด้วยจึงมองว่า การออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้เป็นการแก้ตัว และแก้ต่าง
ทนายวิฑูรย์ ยังบอกอีกว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.2567) ตำรวจได้เข้าไปสอบปากคำ "บอสพอล" เพิ่มเติม เป็นครั้งที่2 ในคดี กฤษอนงค์ ที่ได้มาแจ้งความกับ ปปป.ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย เพราะข้อเท็จจริงในรายละเอียดเยอะ โดยเป็นการสอบรายละเอียดตามไทม์ไลน์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จึงถึงวันที่มีการจ่ายเงินครั้งสุดท้าย รวมถึงประเด็นเพจผี
ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการสอบปากคำประเด็นเรื่องคลิปเสียงเรียกเงิน 20 ล้านล่าสุด เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้แจ้งความ โดยจะต้องรอรับมอบอำนาจจาก "บอสปัญ" ก่อน เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดี คาดว่าจะสามารถแจ้งความเอาผิด "กฤษอนงค์" กับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ได้ในสัปดาห์หน้า โดยคดีนี้ ก็จะต้องมีพยานในการให้ปากคำหลายคน ทั้ง บอสปันและเลขาฯ ที่ไปอยู่ที่ในพูดคุยกับ กฤษอนงค์ ในวันดังกล่าว รวมถึง บอสพอล และบอสคนอื่นๆ เพราะหลังจากที่ได้พูดคุยกับ กฤษอนงค์ แล้ว ก็ได้นำเรื่องมาหารือกับบอสๆหลายคน
นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจอีก 2 คน ที่จะต้องให้มาให้ปากคำ เพราะ กฤษอนงค์ ได้พูดคุยกับนักธุรกิจท่านนี้ให้ฟังถึงการจะให้ไปออกรายการโหนกระแส แล้วนักธุรกิจท่านนี้เกิดความเป็นห่วง จึงโทรมาหาบอสปีเตอร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงด้วย
ขณะเดียวกัน ทนายวิฑูรย์ ยังบอกอีกว่า หากมีการออกหมายจับ กฤษอนงค์ ตามที่เป็นกระแสข่าว ในฐานะผู้เสียหาย ก็คาดว่าจะมีการยื่นคัดค้านการประกันตัวด้วยเช่นกัน