วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องการทุเลาคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" โดยระบุว่าตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยพูดเรื่องนี้ไว้แล้วว่าเป็นการดำเนินการทางวินัย ซึ่งตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร.เดียวกันหมด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการไปตามขั้นตอนของข้อเท็จจริงและกฎหมาย และไม่ว่าจะเป็นตำรวจนายใด ทุกนายก็มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์เบื้องต้น โดย ก.พ.ค.ตร. และถ้าผลวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไรก็สามารถที่จะใช้ช่องทางขอความเป็นธรรมไปที่ศาลปกครองสูงสุดได้
หลังจากนั้นก็จะเป็นดุลพินิจของตุลาการศาลที่จะพิจารณาและมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ผู้บังคับบัญชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนสิ่งที่ต้องอุทธรณ์กันไปมาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติชอบหรือไม่ชอบ ก็ถือว่าทุกคนมีสิทธิในการโต้แย้ง ส่วนคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ตนขอไม่ก้าวล่วงกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลปกครองสูงสุดเด็ดขาด ส่วนจะเป็นคุณหรือเป็นโทษกับผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องก็เป็นกระบวนการขั้นตอน
สำหรับกระบวนการนี้มีอยู่ 2 แท่ง แท่งแรกคือการคุ้มครองตามคำสั่งที่มีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชน ส่วนแท่งที่ 2 คือกรณีที่ตนถูกฟ้อง เป็นการพิจารณาว่าคำสั่งนั้นชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถูกต้องหรือไม่ ก็อยู่ในช่วงพิจารณาของศาลปกครองต่อไป ซึ่งในรายละเอียดตนได้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปยังศาลปกครองสูงสุดในการพิจารณาเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาแล้ว
ส่วนสำนวนคดีอาญาที่ก่อนหน้านี้มี พลตำรวจเอกสราวุฒิ การพาณิชย์ อดีต รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วเป็นประธานในการสอบสวน หลังจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรให้ครบองค์ประกอบ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่แทน เพราะขณะนี้ยังไม่มีประธานในการดำเนินการ รวมถึงยังไม่มีการแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.
ทั้งนี้ ผลการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องดำเนินการไปมากน้อยเพียงใด ตนไม่ทราบ ผู้บังคับบัญชาจะได้รับรายงานก็ต่อเมื่อผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนจะแล้วเสร็จทันกรอบระยะเวลาหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ยังอยู่ในกรอบเวลา