กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี นำกำลังเข้าจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย
1.น.ส.พรทิพย์ฯ อายุ 65 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5464/2567
2.นายสมานฯ อายุ 50 ปี ตามหมายจับศาลอาญา 5465/2567
3.น.ส.นาว ทา ทา ยี่ สัญชาติเมียนมาร์ ตามหมายจับศาลอาญา 5466/2567
ในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ตกลงกันไว้, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี”
พฤติการณ์ ตามที่ได้ปรากฏในภาพข่าว “สะเทือนใจ เด็กหญิง 8 ขวบ ถูกแม่ตี-ไล่ออกจากบ้านหอบตุ๊กตาคู่ใจนอนตากยุงในสุสานเพียงลำพัง” ซึ่งได้ออกอากาศเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2567 ซึ่ง พม.จังหวัดชลบุรี ไปรับตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวไปคุ้มครองสวัสดิภาพไว้
และจากการซักถามเบื้องต้นเชื่อว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นบุคคลต่างด้าว แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ กับเจ้าหน้าที่เนื่องจากความบอบช้ำทางร่างกาย จิตใจ โดยมีการตรวจพบบาดแผลคล้ายถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมบริเวณเล็บมือนิ้วมือ และแขนขา ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่า อาจเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
จนกระทั่งการคุ้มครองสวัสดิภาพเริ่มฟื้นฟู ร่างกาย จิตใจ เด็กหญิงเริ่มให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ ทางสหวิชาชีพประกอบด้วย พม.จังหวัดชลบุรี แรงงานจังหวัดชลบุรี และพนักงานสอบสวนหญิง กก.2 บก.ปคม. ร่วมกันสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์พบว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยถูกแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน และทราบว่าเด็กหญิงเอ เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา
ต่อมานักสังคมสงเคราะห์ พม.จังหวัดชลบุรี ได้พาตัวเด็กหญิงเอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีนี้
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.ทราบว่า น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 เป็นผู้ที่เป็นธุระจัดหา ซื้อ เด็กหญิงเอ มาจาก บิดามารดาของ เด็กหญิงเอ โดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่บิดามารดาของ เด็กหญิงเอ เพื่อให้ได้รับความยินยอมในการนำพา เด็กหญิงเอ มาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา
โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2565 มีการจัดทำหนังสือ การที่ น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 รับเด็กหญิงเอ เป็นบุตรบุญธรรมเป็นนิติกรรมอำพราง จากนั้นใช้ให้บุคคลอื่นนำพา เด็กหญิงเอ ผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทยที่จังหวัดตากโดยผิดกฎหมาย แล้วส่งตัวมายัง บ้านพักของนายสมานฯ ผู้ถูกจับที่ 2 และ น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 ที่ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และร่วมกันให้เด็กหญิงเอ ซึ่งเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพักอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าวเพื่อให้พ้นการจับกุมก่อน แล้วส่งตัวไปยังบ้านพักของ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 ใน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เพื่อให้ทำงานบ้านทำความสะอาด หุงข้าวเลี้ยงสุนัข หรือบริการ ร่วมกับ น.ส.พอดีฯ สัญชาติเมียนมา
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลระบบการแจ้งการทำงานของต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ไม่พบว่า น.ส.พรทิพย์ เคยแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแต่อย่างใด โดย น.ส.พรทิพย์ฯ มีการทำโทษให้เด็กหญิงเอ กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ, ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ, ใช้กำลังประทุษร้าย โดยการใช้ไม้ตี การนำตัวมาขังไว้ในห้องภายในบ้านโดยไม่ให้รับประทานอาหารเมื่อทำความผิด และไม่ให้เด็กหญิงเอ เดินทางกลับบ้านโดยนำเหตุว่ามารดาของเด็กหญิงเอ ต้องนำเงินมาคืนก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวต่อเด็กหญิงเอ ขณะเกิดเหตุอายุประมาณ 10–11 ปีซึ่งเป็นผู้เยาว์ เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมารซึ่งถูกลักลอบนำพาเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย และไม่มีที่พึ่งที่อื่นใด เป็นการทำให้เด็กหญิงเอ สัญชาติเมียนมา อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และจำต้องทำงาน จนกระทั่งมีการหลบหนีออกมา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายค้น บ้านของ น.ส.พรทิพย์ฯ ในอ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี และได้ช่วยเหลือเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อเด็กหญิงบี ซึ่งได้ทำงานอยู่ในบ้านดังกล่าวออกมาคุ้มครองสวัสดิภาพ และเชื่อว่าก็น่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยการบังคับแรงงานเช่นกัน โดยได้ตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญเป็นเมมโมรี่จากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพว่ามีเด็กหญิงซี อีกคนหนึ่งเป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในบ้าน แต่หลบหนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะเข้าตรวจค้น และบันทึกภาพขณะที่ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 กำลังขู่ตะคอกเด็กหญิงบี และเด็กหญิงซี เมื่อทำงานผิดพลาด ภาพขณะที่ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 ทุบตีทำร้ายร่างกายเด็กหญิงซี
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ถูกจับทั้ง 3 ดังกล่าวข้างต้น ตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น และต่อมา ได้ร่วมกันจับกุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย จากกรณีดังกล่าว ตำรวจสอบสวนกลางมีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต นายจ้างที่มีพฤติการณ์ข่มขืนใจให้ลูกจ้างทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1. ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน
2. ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ
3. ใช้กำลังประทุษร้าย
4. ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้
5. นำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือของบุคคลอื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบ
6. กระทำอย่างอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึ่งกับการกระทำดังกล่าวข้างต้น ถ้าได้กระทำให้ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อาจเข้าข่ายมีความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ
มีโทษจำคุกตั้งแต่4ปีถึง 12ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาทถึง 1ล้านบาท
หากประชาชนมีเบาะแสการบังคับแรงงาน หรือได้รับความเดือนร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์โทร สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ “เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. โทร.087-5529555