7 พฤศจิกายน 2567 ความคืบหน้ากรณี ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีลวงเงิน น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน รวมถึงจับกุม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และนำตัวทั้งคู่มาสอบปากคำที่กองปราบฯ
พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า "ทนายตั้ม-ภรรยา" ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะที่ตำรวจเตรียมค้านประกัน เหตุอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี เชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน อีกทั้งเมื่อเจ้าตัวมาถึงกองปราบฯ ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อทุกประเด็น
ล่าสุดมีรายงานว่า เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน. ขนแผงเหล็ก มาตั้งรอไว้ด้านหน้าตึก ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีห้องควบคุมตัวผู้ต้องขังในคดีต่างๆ ของแต่ละ บก. คาดว่า หลังจากที่สอบปากคำแจ้งข้อหาทำประวัติ ทนายตั้ม และภรรยา แล้ว ช่วงดึกคืนนี้เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวทั้งสองคนมาฝากขัง ยังห้องควบคุมตัวของกองปราบฯ ก่อนจะเบิกตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) จึงได้เตรียมรั้วเหล็กเหล่านี้มาตั้งเป็นช่อง เพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบ
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับแม่บ้านว่า วันนี้ทำความสะอาดห้องขังแล้วหรือยัง ?
แม่บ้านบอกว่าก็ทำความสะอาดห้องขังทั้งชายและหญิงเรียบร้อยแล้ว เป็นปกติเหมือนทุกๆ วันค่ะ
ทั้งนี้ห้องขังของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ใช้สำหรับควบคุมตัวผู้ต้องหา ในคดีต่างๆ ของแต่ละ บก. โดยแยกเป็นห้องของชายและหญิง
ที่ด้านหน้าประตูติดประกาศ แจ้งผู้ที่จะมามาเยี่ยมผู้ต้องหา ไว้ว่า
เช้า 08.00-09.00 น.
เที่ยง 12.00-13.00 น.
เย็น 16.00-17.00 น.
(ไม่เว้นวันหยุดวันหยุดราชการ)
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสอง รวม 4 ข้อหา ตามหมายจับศาลอาญา คดีฉ้อโกง , ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ส่วนนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน ก่อนเริ่มสอบทำการสอบปากคำทั้งคู่ทันที โดยนำตัวแยกสอบสวน
ต่อมาหลังการสอบปากคำผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง มีรายงานว่า ทนายตั้มและภรรยาให้การปฎิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนไม่อนุญาติให้ประกันตัว เนื่องจากในหมายจับระบุมีหลักฐานตามสมควรว่า ได้หรือน่าจะทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี, ได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
หลังจากนี้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่าง จะต้องนำตัวผู้ต้องหาคุมขังไว้ที่กองปราบฯ คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) พนักงานสอบสวนก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ไปฝากขังต่อศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ต่อไป
ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้นำ ทรัพย์สินของทนายตั้ม ที่อายัดมาได้จากบ้านพักหรูย่านตลิ่งชัน หลังจากก่อนหน้านำหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนนำมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม สำหรับทรัพย์สินที่เจ้าหน้ายึดมาได้ มีทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับมีค่าอีกหลายสิบรายการ เพื่อนำมาตรวจสอบว่า ได้มาจากการกระทำความผิดตามข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้หรือไม่