svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ทิศทางการเมืองปี 68 ชี้ สองคดีสำคัญ จุดเปลี่ยนการเมือง ขั้วต่างสีส่อจับมือ

ส่องทิศทางการเมืองปี 2568 ผ่านสองมุมมองนักวิชาการ "เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์" - "แก้วสรร อติโพธิ" ชี้เปรี้ยง สองคดีการเมืองส่งผลจุดเปลี่ยนรัฐบาล จับตาค่ายน้ำเงิน และส้มเวอร์ชั่นใหม่ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อาจเป็นไปได้

สถานการณ์ทางการเมืองรอบปี 2567 ที่ผ่านมาถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน" ต้องพ้นเก้าอี้นายกฯ จากกรณี "ศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัย ปมการแต่งตั้ง "นายพิชิต ชื่นบาน" เป็นรมต. ขัดคุณสมบัติรธน. ถือเป็นความผิดจริยธรรมร้ายแรง จึงเป็นการขึ้นมาของ "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางการจับตามองฝีมือการบริหารประเทศ

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนตัวผู้นำ ก็มาพร้อมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดินทางเข้า "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ก่อนมีการโหวตในสภา และยังตามมาด้วยบรรดานักร้องยื่นเรื่องต่อกกต. เอาผิด "ทักษิณ  ชินวัตร " กระทำการก้าวก่ายครอบงำแทรกแซงพรรคเพื่อไทย 

สถานการณ์เหล่านี้ กำลังเป็นเงื่อนปมสำคัญ ที่รอวันจุดระเบิดทางการเมืองในปี 2568 หรือไม่

 

สองนักวิชาการ "แก้วสรร อติโพธิ" อดีตนักวิชาการ นิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ "ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์"  ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา สะท้อนมุมมองผ่าน"เนชั่นทีวี " ถึง "ทิศทางการเมืองปี 2568"  ไว้อย่างน่าสนใจ  

 

เริ่มจาก "แก้วสรร  อติโพธิ" นักวิชาการด้านกฎหมาย  กล่าวว่า ถ้าโลกไม่วิกฤตเฉียบพลัน คนแห่ถอนเงิน ค่าเงินตก ตรงนั้นก็ภาวนาอย่าให้เกิด แต่ถ้าเกิด อะไรจะเกิดเราไม่รู้ งานนี้ยาว แต่ถ้าสถานการณ์โลก บ้านเมืองพอไปได้ และอยู่ดีๆ สององค์กรทำงาน (ป.ป.ช. คดีทักษิณชั้น 14 / กกต. คดียุบพรรคเพื่อไทย ) พรรคเพื่อไทยถูกยุบ "ทักษิณ"กลับไปเข้าคุก ถามว่าอะไรเกิดขึ้น

"คำตอบ คือ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ต้องหาพรรคสังกัด ภายใน 60 วัน รัฐบาลเจ๊งแน่ นายกฯต้องลาออก แต่ถ้ายุบสภา ซึ่งผมขอให้กรอบกฎหมาย ถ้ายุบสภาหนีอะไรก็แล้วแต่ ถามว่า "นายกฯอุ๊งอิ๊ง"ยุบได้ไหม คำตอบการยุบสภา จะต้องมีเหตุผลในทางการเมืองไม่ใช่หนีคดี ไม่ใช่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้ายุบสภาโดยไม่สมเหตุสมผล ในหลวงทรงมีพระราชอำนาจถาม และปฏิเสธ ก็เหลือแต่ลาออกและตั้งรัฐบาลใหม่"

 

 "แก้วสรร  อติโพธิ" นักวิชาการ นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"การตั้งรัฐบาลใหม่ ผมเสนอกรอบกฎหมายต่อ เหลือแต่ "พรรคภูมิใจไทย" มีแคนดิเดตเหลืออยู่คือ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คะแนนเขาคงมากขึ้น โดยเพื่อไทยย้ายมาสังกัดเยอะ เพราะฉะนั้นอยู่ที่เพื่อไทยจะเอาสูตรไหน"

ตรงนี้ขอให้กรอบทางกฎหมายให้มองนิดนึง คือ "พรรคภูมิใจไทย" เคยประกาศไม่จับมือ "พรรคส้ม" เพราะไม่เห็นด้วยการเลิก มาตรา112 แต่ตอนนี้ไม่เหลืออุปสรรคตัวนี้แล้ว เพราะมีคำวินิจฉัย"ศาลรธน." ออกมาแล้ว ห้ามกัดเซาะสถาบันอีก โอกาสที่พรรคประชาชนจะจับมือภูมิใจไทย กรอบทางกฎหมายไม่มี เหลือแต่กรอบทางการเมือง ซึ่งเราไม่อาจก้าวล่วงได้ ว่าพรรคประชาชนจะเลือกทางไหน เขาจะเป็นตัวเลือก ลูกบอลจะอยู่ที่เท้าเขา ต้องถามพรรคประชาชน 

เชียร์"พรรคปชน."จับมือ"ภูมิใจไทย"

"แก้วสรร" ย้ำว่า ทางกฎหมายเงื่อนไขไม่มีปัญหาแล้ว เหลือแต่ทางการเมืองว่ามองอนาคตพรรคอย่างไร มองประชาชนอย่างไร ถ้าเลือกมาแล้ว ยังแก้ 112 อยู่อีก แก้รธน. อีก เลือกคราวหน้าจะได้คะแนนอีกหรือไม่

"บอกตรงๆ เสียงที่ได้ถล่มทลายคราวที่แล้ว ลูกหลานบ้านผม ลงคะแนนให้เยอะ ที่ก้าวไกลได้คะแนนคราวที่แล้ว เป็นเสียงของความเบื่อหน่ายสามลุง มีความเกลียดชัง แล้วกระพือขึ้นมา ฉะนั้นเสียงกระแส ไม่ใช่ว่าจะได้อีก แล้วก็เรื่องเกลียดชังสถาบัน ไม่ใช่มีจำนวนมากโอกาสนี้ ขอบอกด้วยอย่าปฏิวัตินะ "พรรคประชาชน" เขารออยู่ ถ้าไม่มีทหารโผล่มาให้น่าเบื่อหน่าย เสียงแท้จริงประชาชนจะต้องลงมา แต่คราวนี้ถ้า เกิดอย่างที่ว่า "พรรคประชาชน" มีโอกาสตั้งรัฐบาลได้ 

แก้วสรร อติโพธิ  อดีตอาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"เป็นโอกาสของพรรคส้ม เป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ มีตัวแทนที่ทำงานได้ ไม่ได้มีตัวแทนแห่งความเบื่อหน่ายเกลียดชังเท่านั้น ผมอยากให้เขาทำนะ จริงๆ ผมอยากให้ลูกหลานผม มีพรรคที่ชอบ ที่รัก ได้ทำงานบริหารบ้านเมืองด้วย"  

แก้วสรร สะท้อนมุมมองถึงพรรคประชาชน ตัดสินใจร่วมกับพรรคภูมิใจไทย หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย ในปี 2568"

ทิศทางการเมืองปี 68 ชี้ สองคดีสำคัญ จุดเปลี่ยนการเมือง ขั้วต่างสีส่อจับมือ

 

ศก.ปากท้องรอฝีแตก “แพทองธาร” กุมขมับ

ขณะที่"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์" ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา บอกกับเนชั่นทีวีว่า ปี 68 ชุลมุนกว่าปี 67 เป็นสถานการณ์ที่หนักหน่วงกว่าปี 67 เพราะอดีตนายกฯเศรษฐา อยู่มา 1 ปีและพ้นไปแล้ว "นายกฯอิ๊ง"มาสามเดือน ของจริงกำลังจะมาแล้ว คนอาจบอกว่าไม่เป็นไรช่วงสามสี่เดือนแรกให้โอกาส แต่เมื่อพ้นปีใหม่ 2568  สถานการณ์จะแรงขึ้น

 

ปัญหาสารพัดในประเทศไทย ที่มีอยู่จะถูกเรียกร้องมากขึ้น ปัญหาปากท้อง เป็นเรื่องใหญ่เสมอในการกดดันผู้นำนักการเมือง การเลือกตั้งถ้ามาช่วงเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลจะแพ้ ส่วนใหญ่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกแย่ เศรษฐกิจไทยแย่ โตช้าที่สุดในอาเซียน ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยกเว้นเหตุการณ์พิเศษเล็กๆน้อยเช่นโควิด ต้มยำกุ้ง เข้ามากระแทกแรง แต่เป็นเหตุการณ์ปกติ ที่ไม่มีวิกฤตแบบนั้น เป็นสถานการณ์ที่หนักที่สุด เศรษฐกิจแย่ การค้าขายเอสเอ็มอีก็ลำบาก สินค้าจีนตีตลาดราคาถูก ไทยไม่มีทางสู้ คนไม่มีกำลังซื้อ เป็นหนี้ครัวเรือนเยอะแยะ แม้การท่องเที่ยวอาจเป็นตัวช่วย แต่ปัญหาสังคมที่ยังแก้ไม่ได้ บ่อนการพนันก็ยังแก้ไม่ได้ คอลเซ็นเตอร์แก้ไม่ได้ มีคดีโกงทั้งสังคม สังคมอยู่ในสภาพลำบากตึงเครียด ฉะนั้นเศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาพหนักใจในปี 2568 

 

"พรรคร่วม" ว้าวุ่น ร่องรอยร้าว สู่การแตกหัก

 

"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์" กล่าวว่า สภาพการเมือง ไม่อยู่ในร่องในรอย อยู่ในสภาพกดดันกันไป ตนขอใช้คำว่า บีบสัมพันธ์กันไป ขอพูดว่า ลักษณะสัมพันธ์ทางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคการเมืองอื่นๆ บีบคั้น ร้าวสัมพันธ์ เหมือนแก้วร้าว จำเป็นต้องประคับประคอง

ถ้าเผื่อแตกก็จะเสียทุกฝ่าย พรรคร่วมอยากประคับประคอง อย่างตีกอล์ฟโป้วสัมพันธ์ มีการต่อสู้ระหว่างพรรคใหญ่ในพรรคร่วมระหว่าง "สีน้ำเงิน" กับ"สีแดง" พูดกันไปพูดกันมาทางที่สาธารณชน ไม่ว่า “อีแอบ หล่อช้าๆ” เกิดการตอบโต้ในที่สาธารณะ ปกติการเมือง ถ้าไม่ถึงขั้น เกิดความอึดอัดจะไม่พูดกันแบบนี้ จะไปพูดลับหลัง ฉะนั้นสถานการณ์ทำให้โคลงเคลง ต้องระมัดระวัง และพยายามประคับประคองให้อยู่ร่วมต่อเพื่อประโยชน์ร่วม

"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์" ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา

ลุ้นอุบัติเหตุการเมือง -รัฐเชิงลึกประเมิน"ทักษิณ"

 

สองคดีสำคัญ ตั้งแต่ คดีทักษิณ ชั้น 14 ที่อยู่ใน ป.ป.ช. กับ กรณี กกต.เตรียมพิจารณาคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย จะเป็นจุดเปลี่ยนรัฐบาลแพทองธารได้หรือไม่  "ศ.ดร.เกรียงศักดิ์" บอกว่า มีโอกาส ต้องดูดีๆ ผมใช้คำว่า รัฐเชิงลึก อนุญาติให้"นายทักษิณ" ทดลองงาน ประเมินเพอร์ฟอร์แมนซ์ ทำได้ดีหรือไม่ จริงๆ "นายทักษิณ" ถูกดึงเข้ามาเพื่อต่อสู้ พรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน ) เอาแดงมาสู้ส้ม เพราะจำเป็นต้องใช้อดีตนายกทักษิณเพื่อต้านทานพรรคส้มให้ได้ ถ้า"นายทักษิณ"ทำได้ดี ดีลเดินต่อ คิดว่าดีลมีจริง อยู่ที่ดีลจะเดินต่อหรือไม่ ถ้าสามารถเดินต่อ คดีทั้งหลายเหล่านี้อาจทุเลาเบาบาง

 

แต่ถ้าคิดว่า เมื่อถึงวันที่สองคดีนี้ตัดสิน ต้องมีกระบวนการดุลยภาพของการตกลง โดยไม่ต้องคุยกันก็ได้ ระหว่างรัฐเชิงลึก ว่าตกลงจะให้เดินต่อหรือไม่ ถ้าไม่ให้เดินต่อ ผลจะออกมาว่า ป.ป.ช. จะเขียนผลออกมาตามเนื้อผ้า ทุกเรื่องออกซ้ายหรือขวาก็ได้ อยู่ที่วิธีการมอง เช่นเดียวกับ กกต. หน่วยงานอย่างนี้ ก็จะมีวิธีการอธิบายได้ไม่ยาก อยู่ที่ว่าอยากให้ไปทางไหน และสถานการณ์ที่กำหนดไม่ใช่เนื้อคดีเป็นหลัก เนื้อคดี เป็นการตีพรมแดน ไม่ให้ออกนอกคอก มันต้องมีคำอธิบาย อยู่ที่เราจะใส่ดุลยพินิจให้น้ำหนักตรงไหนจะออกแบบไหนขึ้นอยู่กับทักษิณ ว่ายังถูกใช้ต่อไหม ปี 68 จึงวุ่นวาย ทุกคนว้าวุ่นจะออกไปทางไหน

"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์" ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา

ความเป็นไปได้ "ภูมิใจไทย"จับขั้ว "ส้มจาง"

 

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นักวิเคราะห์การเมืองอย่างอาจารย์ "แก้วสรร" ประเมินว่า หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองกับ "พรรคเพื่อไทย" จะทำให้สส.พรรคเพื่อไทยไหลรวม"ภูมิใจไทย" โดย"นายอนุทิน" จะสามารถจับขั้วค่ายสีส้มได้ เพราะสีส้มเวอร์ชั่นนี้ ลดเงื่อนไข "ม.112" ลงแล้ว ประเด็นนี้ "ศ.ดร.เกรียงศักดิ์" มองว่า เป็นไปได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีการพูดคุยกันมาโดยตลอด

 

"เมื่อเดือนเมษายนปี 67 ผมเคยพูดผ่านรายการคมชัดลึก เนชั่นทีวีไปแล้วว่า สถานการณ์จะเดินไปเรื่อยๆ หลังคุณเศรษฐา พ้นเก้าอี้นายกฯ และคุณชัยเกษมควรมาแทน แต่เมื่อไม่มา “คุณอุ๊งอิ๊ง” จำยอมมาเป็นนายกฯ และบอกว่า ป้อมรอเสียบ แต่ตอนนี้ ไม่ได้เสียบ พปชร.พังไปแล้วตอนนี้ คำที่ห้า "อนุทินชั่วคราว" หมายความว่า เหลือแคนดิเดตคนเดียวที่พอเป็นไปได้ ถ้าสถานการณ์ปีหน้าพาไปถึงที่สุด ถ้าเขาเลือกเส้นทางในระบอบไม่อยู่นอกระบบ หมายความว่าปล่อยให้ฟอร์มรัฐบาลในชุดที่มีการเลือกตั้งกันอยู่ และทักษิณไปไม่ค่อยไหว อาจจำใจยอมอนุทินเป็นนายกฯชั่วคราวไม่นาน หรือไม่เป็นก็ได้ ถ้ามีอย่างอื่นที่ดีกว่า ก้าวข้ามไปเลย

 

"ตอนนี้มีการแอบคุยทุกฝ่ายเสมอ ถามว่าเป็นไปได้ไหม ตอบเลยว่าเป็นไปได้ คุณอนุทินแอบคุยพรรคสีส้ม เพื่อต่อรองฝั่งแดงเพื่อไทย เป็นไปได้เลย ถ้าเกิดสถานการณ์ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยแรงกว่านี้ แก้วร้าวแล้ว ทำจนถึงขนาดคิดว่าอยู่ไม่คุ้ม เป็นไปได้ที่เขาพยายาม ถ้าได้รับการอนุมัติจากรัฐเชิงลึกว่า สีส้มเวอร์ชั่นใหม่ เป็นส้มจาง ไม่ใช่ส้มเข้ม ไม่รุกระรานจนยอมรับได้"

กรณีนั้นจะเกิดได้ ต่อเมื่อ "นายอนุทิน" ได้รับสัญญาณจากรัฐเชิงลึกว่า ให้จับมือ กับส้มจางได้ ส้มแบบอย่ายุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง เวลานี้ก็แตะมือกันไว้ก่อน นิดๆหน่อยๆ ไม่ใช่ปิดประตู เพื่อต่อรองกับเพื่อไทยด้วยว่า มีทางเลือกอยู่นะ มีโอกาสแต่โอกาสยังไม่เยอะ 

เมื่อปี 2567  เครือข่ายมวลชน ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. เร่งรัดตรวจสอบคดีแพทย์รพ.ตำรวจ รักษาตัว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ม็อบจุดติดหรือไม่

 

"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์"  ยังได้ประเมินการรวมตัวของมวลชนต่อต้านรัฐบาลจะจุดติดหรือไม่ ว่า ม็อบเป็นตัวพยายามจะเร่งปัจจัยเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อเร่งเครื่องให้ดีลลับที่มีอยู่ เป็นดีลสั่นคลอนและเลิกดีล ม็อบไม่สามารถจุดติดโดยธรรมชาติ ถ้าจุดติด ต้องส่งกำลังบำรุงช่วยเหลือ แต่จงใจให้จุดติด แปลว่า ให้พังกันไปข้าง คือ ดีลลับจบ แปลว่า "นายทักษิณ" ไม่ได้เป็นม้าที่ถูกเลือกแล้ว เพราะดูเหมือนระยะยาว ไม่มีประสิทธิภาพ

"ม็อบวางไว้เพื่อเป็นการขู่คำราม ยังไม่ได้เอาจริง ม็อบใช้เงินเยอะ ถ้าไม่มีคนหนุนจะทำได้อย่างไร แล้วจะหนุนทำไมถ้าไม่มีโอกาส เพราะสถานการณ์ไม่มีอะไรนิ่ง กระดานวิ่งตลอดเวลา เพียงแต่แนวโน้มมีโอกาสมากสุดคืออะไร จะบอกไม่มีใครพูดได้ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะตัวแปร อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ถือดุล"  ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย