1 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญขาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยภายหลังสอบปากคำ ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ บอสพอล หลังมาให้การเพิ่มเติมในประเด็นที่แจ้งความเอาผิดกับ นักร้องเรียนสาว ก. เรียกรับผลประโยชน์ 10 ล้านบาท ว่า เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการประชุมและได้เร่งรัดในหลายประเด็น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในทุกมิติ ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้
และในในวันนี้ ทนายบอสพอล เข้ามาร้องทุกข์ที่กองปราบปราม และ ปอท. ใน 2 เรื่อง คือเรื่องของ นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจ "กฤษอนงค์ต้านโกง" และเรื่องของนายเอกภพ เหลือประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รวมถึงมีเรื่องที่กองบังคับการปราบราม ต้องทำการสืบสวนคือ การเรียกรับเงิน 7.5 ล้าน ของ ทนายษิทรา ที่มีการประสานงานมาจากสำนักงานษิทรา ลอว์ เฟิร์ม และบอสพอล ได้โทรกลับไปก่อนที่จะมีการจับกุมบอสพอล ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบสวน ก่อนที่พนักงานสอบสวยจะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ
ทั้งนี้ส่วนใน 3 ประเด็น ก็เริ่มมีความชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งตอนแรกจะให้บังคับใช้กฎหมายได้ในสัปดาห์นี้ แต่ทนายติดภารกิจหลายเรื่อง จึงทำให้เพิ่งเข้ามาให้การ ซึ่งคดีของนางสาวกฤษอนงค์ กับ นายเอกภพ จะสามารถดำเนินคดีได้ในสัปดาห์หน้าเลยหรือไม่นั้น ยืนยันว่า จะดำเนินการทางคดีให้เร็วที่สุด ไม่นานอย่างแน่นอน เพราะร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว
พร้อมทั้งฝากไปถึงทั้งสองท่านด้วยว่า “ตำรวจเข้าใจในบทบาทของจิตอาสา ชมรมเพจต่างๆ ไม่ได้จำกัดความช่วยเหลือ เรายินดีและทำให้ทุกเรื่อง แต่เราอยากแจ้งไปยังทุกชมรมทุกเพจ การที่จะมาดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็จะต้องกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี เพื่อเอาไปให้พนักงานสอบสวน ถ้ามีพยานหลักฐานจริงแล้วจะเอามาให้ ก็ไม่ได้โดนคดี หรือไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งหากมีจิตอาสา ตำรวจก็ยินดีที่รับใช้เพราะทำเพื่อสังคม ช่วยเหลือประชาชนเหมือนกัน ส่วนใครที่ชอบออกนอกเกม ก็อยากจะตักเตือนว่าอย่าทำ เพราะถ้าทำก็อาจจะมีจุดจบเร็วๆ นี้”
ทั้งนี้ การพามาจะอ้างว่า ไม่รู้เรื่องคงไม่มีหรอก แล้วมาใส่ความหน่วยงานว่าไม่ดี ทั้งที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งตำรวจได้สอบพยานไว้โดยละเอียดทุกวิธีการแล้ว เชื่อว่าพยานหลักฐานส่วนนี้ และที่ถอดเทปสามารถไปด้วยกันได้ และพยานก็ต้องการมาให้ความรู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับดิไอคอน ไม่ใช่ลูกร้องใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนพยานจะโดนดำเนินคดีด้วยหรือไม่นั้น ขอให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา ตนไม่อยากชี้นำ
ส่วนกรณีที่ นายเอกภพ มาไหว้ขอโทษตำรวจนั้นทันหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า "ไม่ทัน" จะทำอะไรต้องคิด เพราะมาพูดเสียหายไปแล้วคนรับทราบไปแล้ว ถือเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆ เพจหลายๆ ชมรมอย่าเอาเป็นตัวอย่าง
ส่วนคลิปเสียงของนักการเมือง ส. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ยังอยู่ระหว่างดำเนินการในทุกมิติ ซึ่งได้ข้อมูลว่า ดีเอสไอเห็นเส้นทางการเงิน แต่ตนยังไม่ทราบว่าเส้นไหน จึงไม่อยากให้ความเห็นเรื่องนี้ ซึ่งหากมีเงินโอนไปจริง ดีเอสไอที่ทำเรื่องฟอกเงินได้ก็คิดว่าจะไปต่อในคดีได้
ทั้งนี้แม้ บอสพอล จะไม่ได้แจ้งความเอาผิดกับนักการเมือง ส.จะสามารถเอาผิดได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า เป็นเรื่องของพยานหลักฐานที่ส่งไปให้ดีเอสไอ ว่าจะเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งแม้ไม่แจ้งความก็สามารถเอาผิดได้ และเจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินเช่นกัน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พบเส้นทางการเงิน โอนไปให้แม่นักการเมือง ส.จะเอาผิดด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ก็หากเป็นเรื่องของการฟอกเงิน ก็ค่อยว่ากัน เพราะคดีไปอยู่ที่ดีเอสไอแล้ว