1 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบรางรถไฟ ตลิ่งชัน กทม. พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เดินทางไปศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย อดีต ผบช.ภ.2
ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดตาม ป.อาญา ม.157 กรณีกลั่นแกล้งออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยต่อ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศฯ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องโจทก์ระบุว่า ขณะเกิดเหตุ โจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มีพื้นที่รับผิดชอบภายในจังหวัดชลบุรี ส่วนจำเลยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2มีอำนาจในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตำรวจภายในสังกัด มีพื้นที่รับผิดชอบ 8จังหวัด ในภาคตะวันออก เป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ในขณะนั้น
เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2565 มีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายรายได้รับบาดเจ็บ โดยมีและใช้อาวุธปืน มีการใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่จังหวัดชลบุรีในหลังเกิดเหตุ โจทก์ในฐานะผู้บังคับการจังหวัด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสวนสอบสวน
โดยมี พันตำรวจเอก ส. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสืบสวนจำนวน 13 นาย โดยมี พันตำรวจเอก ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสื่อมวลชน
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2565 จำเลยในฐานะผู้บัญชาการตำรตำรวจภูรภาค 2 ได้มี คำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนสวนรวม หลักฐานและขยายผลในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พลตำรวจตรี อ. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โจทก์ พลตำรวจตรี ธ. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พันตำรวจเอก ช. เป็นเลขานุการและมีพนักงานสอบสวน รวมทั้งสิ้น 12 นาย ทั้งยังแต่งตั้งพนักงานสืบสวนอีกจำนวน 17 นาย
นอกจากนี้ พลตำรวจเอก ส. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ผู้ได้รับมอบอำนาจ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมากำกับดูแลการสอบสวนสืบสวนและติดตามคดีด้วยตนเอง แต่ไม่ได้ให้อำนาจ พลตำรวจเอก ส. ให้มีอำนาจมอบหมายให้เจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าทำการสืบสวนสอบสวนหรือ ติดตามคดีแทนได้
แต่ พลตำรวจเอก ส. กลับมีสั่งการด้วยวาจาให้ พันตำรวจเอก ข. ผู้กำกับการตรวจคนเข้า เมืองจังหวัด ต. (ในขณะนั้น) และพวกเข้าร่วมทำการสืบสวนสอบสวนโดยมิชอบ ด้วยการเป็นเจ้าพนักงานที่
แสดงตนเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนทั้งที่ตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่นั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 171 แห่งพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561โดยมีเจตนา กลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ต้องถูกดำเนินคดีและให้ได้รับโทษทางอาญาและทางวินัย (กรณีนี้โจทก์ได้กล่าวโทษแล้วคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.)