1 พฤศจิกายน 2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป เดินทางมาเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ซึ่งทนายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำ พูดกับสื่อว่า "ผมจะโดนต่อยไหมเนี่ย แต่โดนต่อยก็ไม่เป็นไร กลัวจะมีมีดมากกว่า” เพราะก่อนที่ทนายจะเดินทางมาถึง เพิ่งเกิดเหตุการณ์ที่ ทนายธรรมราช สาระปัญญา ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกทำร้ายร่างกายขณะแถลงข่าว
ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ตนมาดำเนินการเรื่องที่แจ้งความกับ นักร้องสาว ก. ให้เสร็จสิ้นเพราะค้างคามานาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ให้หลักฐานคลิปเสียงไปหมดแล้ว วันนี้จึงมาให้การเพิ่มเติมว่า ไฟล์เสียงแต่ละไฟล์พูดถึงอะไร เข้าข้อกฎหมายอย่างไร เพื่อที่พนักงานสอบสวนจะได้ไปดำเนินการสอบพยานในเรือนจำต่อ ส่วนจะต้องการให้มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับเลยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
ส่วนกรณีที่บอสพอลได้มีการมอบอำนาจให้แจ้งความเอาผิดกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยานที่ให้การเท็จ เป็นทีมทนายความอีกทีมที่เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าน่าจะมีการนำเอกสารไปยื่นแจ้งความแล้ว เบื้องต้นที่คุยกันไว้จะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมย้ำว่า พยานคนดังกล่าว ไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทมาก่อนเลย ตนได้สอบถามทางบอสพอลและกลุ่มแม่ทีมแล้ว
ทนายวิฑูรย์ ยังตอบคำถามเรื่องเงิน 9 ล้าน ที่นายอัจฉริยะบอกว่า มีคนอ้างเป็นตำรวจสอบสวนกลาง ไปเรียกรับจากโค้ชแล็ป ในวันก่อนที่จะถูกจับกุมว่า ตนได้ถามโค้ชแล็ปแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการมาเรียกรับเงินใดๆ เพื่อให้แลกกับการไม่ถูกจับกุม ซึ่งตนยังไม่สามารถติดต่อภรรยาของโค้ชแล็ปเพื่อสอบถามได้ แต่ได้ถามผ่านญาติที่ติดต่อกับภรรยาได้แล้วก็ยืนยันว่า ภรรยาบอกว่าไม่มี ซึ่งการที่นายอัจฉริยะไปพูดแบบนั้น ทำให้ตำรวจเสียหาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของตน ให้ตำรวจไปจัดการกัน
ทนายความบอสพอล ยังชี้แจงประเด็นที่ล่าสุด ทางบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้ประกาศปิดสำนักงานชั่วคราวว่า เป็นการปิดตึกอาคารสำนักงานใหญ่ชั่วคราว เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงต่อสู้คดี จึงจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย และตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ จึงปิดไปก่อน เปลี่ยนมาใช้อาคารสำนักงานเล็กแทน คือ บริเวณไอคอนคาเฟ่
ยืนยันตอนนี้บริษัทยังเปิดทำการตามปกติ ยังต้องทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ ซึ่งยังมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ โรงงานก็ยังผลิตสินค้าอยู่ แต่ติดปัญหาเรื่องบัญชีบริษัทที่ถูกอายัดไป จึงทำให้ต้องหาวิธีการลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้บริษัทไปต่อได้
ส่วนศูนย์เยียวยาผู้เสียหายที่เปิดรับลงทะเบียนนั้น ได้ปิดไปเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.67) ตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้าว่าจะเปิดรับลงทะเบียนถึงวันที่ 31 ต.ค.67 โดยจะนำยอดที่มีการมาลงทะเบียนทั้งหมดไปตรวจเช็กก่อนว่า มีความเสียหายจริงหรือไม่อย่างไร
ส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ชื่อของคุณแม่บอสพอล ก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท ทำไมจึงไม่ถูกดำเนินคดีด้วย ทนายวิฑูรย์ตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นคนละส่วน แม่บอสพอลแค่ถือหุ้น
ทนายวิฑูรย์ ยังพูดถึงเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาว่า ได้มีการคุยเรื่องหลักทรัพย์ไว้แล้ว แต่ทราบมาว่าผู้เสียหายก็มีการเตรียมเอกสารคัดค้านการประกันตัว เลยคิดว่าจะยังคงไม่ยื่นประกันในสัปดาห์หน้า ต้องพิจารณากันก่อน ส่วนบอสวิน ที่ป่วยเป็นมะเร็ง มีความจำเป็นที่จะต้องประกันตัวเพื่อมารักษาตัว ก็ยอมรับว่าเป็นข้อกังวลใจ หากผู้ป่วยไม่ได้รับการประกันตัวออกมารักษาตัว
ส่วนประเด็นที่ทางกลุ่มทนายความ ได้เตรียมพยานกว่า 2,000 คน เพื่อไปให้ปากคำกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หลังจากมีการรับเป็นคดีพิเศษแล้ว เพื่อให้การในมุมของฝั่งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ปนั้น ยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องสอบพยานฝั่งดิ ไอคอน ให้ครบทั้ง 2,000 คน ที่เตรียมไว้ เพราะฝั่งของผู้เสียหายที่มาแจ้งความยังมีการสอบปากคำไปกว่า 9,000 คน
ดังนั้น จะสอบปากคำเพียงฝั่งเดียว ก็ไม่ถูกต้อง ส่วนของพยาน มีคนที่สมัครใจที่จะเข้าไปให้ข้อมูลเอง แต่เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการ ก็อยากให้ดีเอสไอมีการออกหมายเรียก ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ตนจะเข้าไปพูดคุยกับดีเอสไอ เรื่องแนวทางการเรียกสอบปากคำ ว่าจะเรียกมาได้วันละกี่คน พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การกดดันเจ้าหน้าที่ แต่เป็นการใช้สิทธิต่อสู้ตามกฏหมาย
เตรียมนำพยาน The icon 20 คนแรก ให้ปากคำกับ DSI วันจันทร์นี้
ภายหลังให้ปากคำนานกว่า 8 ชั่วโมง ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ให้ปากคำเกี่ยวกับคลิปของนักร้องสาว ก. ที่คุยกับบอสพอล ซึ่งมีทั้งหมด 6 คลิป ฟังมาแล้ว 5 คลิป ซึ่งตำรวจซักถาม ก็ได้ให้ข้อมูลไปตามจริง ส่วนคลิปสุดท้ายที่ยาว 6 ชั่วโมง ยอมรับว่ายังไม่ได้ฟัง ซึ่งจะนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจวันหลัง ยืนยันว่า มีการแจ้งความกับนักร้องสาว ก.ไปแล้ว และไม่เร่งรีบใดๆ ทำคดีแบบสบายๆ แม้ตำรวจจะรีบเร่งแค่ไหนก็ตาม หลังจากนี้ ตำรวจจะไปสอบปากคำคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนเรื่องของนายเอกภพ ทีมทนายอีกทีม ได้แจ้งความไปแล้วเช่นกัน โดยนัดให้ปากคำวันจันทร์นี้ โดยดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ร่วมกันให้การเท็จ หมิ่นประมาท
ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางไปที่ดีเอสไอไม่ทัน แต่ได้ประสานงานไปแล้ว ซึ่งในวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. นี้ พยานของฝั่งดิไอคอนชุดแรกจำนวน 20 คน จาก 2,000 คน จะเข้าไปให้ปากคำกับทางดีเอสไอ โดยดีเอสไอแจ้งว่า สามารถรับได้วันละประมาณนี้ หลังจากนั้นจะมีการประเมินว่า DSI สามารถสอบปากคำได้มากกว่า 20 คนหรือไม่ หรือจะให้ตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาช่วยสอบ
โดยพยานทั้ง 20 คนนี้ เป็นคนที่ยังขายของจากบริษัท The icon อยู่และได้รับผลกระทบ ซึ่งทั้งหมดสมัครใจมาให้การกับตำรวจ อยากช่วยบริษัท เพราะถ้าบริษัทล้ม การค้าขายของพวกเขาก็ต้องล้มเช่นกัน และไม่ได้ระบุว่า เป็นตัวแทนระดับไหน เป็นคนที่พร้อมไปกันก่อน
ทนายบอสพอล ย้ำว่า อยากให้ DSI สอบปากคำพยานทั้ง 2 พันคนให้ครบทุกคน เพราะฝั่งผู้เสียมาร้องทุกข์ถึง 9,200 คน ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำให้ครบทุกฝ่าย