จากเหตุการณ์ชายฉกรรจ์บุกตบหน้า "ทนายธรรมราช" นายธรรมราช สาระปัญญา ดังสนั่นจนหน้าหัน ขณะกำลังยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า จะแจ้งความดำเนินคดีกับ อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม ในความผิดเหยียดหยามศาสนาตามมาตรา 206 บริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อช่วงสายของวันนี้ (1 พ.ย.67) ที่ผ่านมา จากนั้นตำรวจล็อคตัวชาย 3 คน ไปสอบสวนหาสาเหตุในการก่อเหตุกว่า 1 ชม.
1 พฤศจิกายน 2567 ล่าสุด ตำรวจคุมตัว "นายจารุเวศ" อายุ 28 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุ และเป็นมือตบหน้า "ทนายธรรมราช" ไป สน.พหลโยธิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยขณะกำลังนำตัวขึ้นรถตำรวจ สื่อมวลชนพยายามรุมสอบถาม "นายจารุเวศ" ถึงสาเหตุที่ ตบหน้า "ทนายธรรมราช"
โดย "นายจารุเวศ" มือตบหน้า "ทนายธรรมราช" ยอมรับสารภาพว่า ลงมือตบหน้าทนายธรรมราช เพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ไม่ได้ร่วมก่อเหตุแต่อย่างใด แค่มาด้วยกัน ส่วนสาเหตุที่ลงมือเพราะ ก่อนหน้านี้เคยเห็นทนายธรรมราช โพสต์ข้อความพาดพิงเรื่องเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
ด้วยความที่ตนเองมีภรรยาเป็นชาวมุสลิม เป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม จึงเกิดความไม่พอใจ เลยตั้งใจมาวันนี้เพื่อจะมาถามทนายธรรมราช ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทนายธรรมราช ไม่ยอมตอบ จึงเกิดโมโหตัดสินใจทำร้ายร่างกายทนายธรรมราชดังกล่าว
ขณะที่ ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย จึงยังไม่ทราบสาเหตุในการกระทำดังกล่าว แต่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมร่วมกัน แต่ยังไม่ทราบว่ามาด้วยกันหรือไม่ ซึ่งนายจารุเวศเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายหลัก
แต่อีก 2 คนมีการอ้างว่ามาห้าม แต่พฤติกรรมคือล็อกคอตน หากจะห้ามจริงเหตุใดไม่ล็อกคออีกคน ซึ่งการล็อกคอทำให้ตัวเองคอเคล็ด โดยหลังจากนี้ก็จะต้องสืบหาว่ามีผู้ว่าจ้างมาหรือไม่ หากไม่พบทางผู้ก่อเหตุก็ต้องรับโทษ เรื่องนี้ยาวแน่นอน
สำหรับข้อขัดแย้งในเรื่องศาสนาที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ให้ทางตำรวจเช็คโทรศัพท์แล้ว ว่าก่อนมามีการพูดคุยกับใครบ้าง พวกใจร้อนมักนอนที่แคบ และหลังจากนี้จะต้องโดนคดีไม่มียอมความ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะตนเคยโดนลอบยิงมาแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องไม่แมน หน้าตัวเมียอาศัยตอนเผลอ หลังจากนี้ตนจะซื้อปืนเพิ่ม
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะสามารถหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ เพราะทนายธรรมราชมีคู่กรณีเยอะ
ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีเส้นทาง เพราะอาชีพทนายอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ตนมั่นใจในความปลอดภัยของ บช.ก. จึงเลือกมาร้องแต่ที่นี่ ส่วนตัวเป็นคนระวังตัวอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ก็คิดว่าตำรวจก็คงไม่อยากให้เกิด
ส่วนการนำตัวนายจารุเวศไปแจ้งความสน.พหลโยธินนั้น จะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายขณะที่กำลังแถลงข่าว ส่วนอีก 2 ราย ต้องตัดไปอีกกรรมหนึ่ง อาจจะเป็นข้อหาที่เบากว่าอย่างเช่นสนับสนุน ก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย
เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเชื่อมจิตหรือไม่
ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตนเป็นทนายมีคู่ความ อาจเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในกรณีนี้ก็ต้องรอตรวจสอบก่อน เชื่อว่าข้อมูลจะโยงไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์นี้เป็นกรรมทันตา เพราะตนสามารถชกกลับได้ แต่ไม่ทำเนื่องจากจะได้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่
เพราะเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจเนื่องจากอยู่ในสถานที่ราชการ ส่วนตัวเอาเรื่องคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความแน่นอน แต่คนที่เป็นครอบครัวญาติพี่น้องของตัวเองจะติดใจหรือไม่ ไม่ทราบ