กรณีมีคำสั่งให้โอนคดี "มาดามอ้อย" เศรษฐีนีคนไทย ทีไปใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ฝรั่งเศส แจ้งความเอาผิด "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ "ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท" ให้โอนคดีจาก สภ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มาให้กองบังคับการปราบปรามรับผิดชอบ
30 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนและมีมูลค่าความเสียหายสูง
ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จึงเสนอเรื่องมาและเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอที่ บช.ก.จะเข้าไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนจึงอนุมัติให้ทาง บช.ก.ดำเนินการต่อ
ผบ.ตร. กล่าวว่า ทราบว่าทางพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำในส่วนของผู้เสียหายแล้ว ส่วนจะเป็นการเชิญมาหรือพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำเอง ขอตรวจสอบก่อน ส่วนจะมีการเชิญทนายตั้ม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำหรือไม่นั้น ก็เป็นกระบวนการสอบสวนอยู่แล้ว
หากพบว่าทนายตั้มเข้าข่ายความผิดฐานใด สามารถเรียกมาให้ปากคำก่อนก็ได้เหมือนคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" หรือสุดท้ายอาจจะมีการพิจารณาออกหมายเรียก หรือหมายจับขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
ย้ำว่าเรื่องนี้เมื่อมีการกล่าวหา ก็ต้องมีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง หรือพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่นั้น ไม่มีอะไรที่ต้องน่าวิตกกังวลอะไร
ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงต้องมีมาตรการหรือกำชับอะไรพนักงานสอบสวนเป็นพิเศษหรือไม่ รวมถึงป้องกันการหลบหนี
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอบคอบรัดกุม อีกทั้งเรื่องการป้องกัน หากมีพฤติการณ์หลบหนีก็เป็นหน้าที่ของ บช.ก.ว่าจะมีการจัดชุดป้องกันและตามจับกุม ที่ผ่านมามีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว