วันที่ 11 ตุลาคม 2567 พันตำรวจเอก อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดปฏิบัติการร่วมกันเข้าตรวจค้น โกดังของ The Icon Group ซึ่งการตรวจค้น เป็นอำนาจของเจ้าพนักงาน สคบ. เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีเพียง 15 รายการ แต่กลับพบว่ามีรายได้ของบริษัท บางปีได้รายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รวมถึงหาข้อมูลทางธุรกิจว่าได้รับอนุญาตจาก สคบ. เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจทั้งหมดว่ามีสต๊อกสินค้าให้ประชาชนนำไปขาย หรือเป็นการหลอกอ้างว่ามีผลิตภัณฑ์แล้วให้มาลงทุนกันแน่
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการส่งสมุดบัญชีธนาคาร จำนวนกว่า 120 บัญชี ให้ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งจะเป็นบัญชีตั้งแต่กลุ่มลูกข่ายดาวน์ไลน์ ดารานักแสดง และผู้บริหารว่า มีความเชื่อมโยงอย่างไรและเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่
พันตำรวจเอก อุเทน ระบุอีกว่า ตอนนี้ตำรวจและหน่วยงานเกี่ยวข้องทำงานกันตลอด นับเป็นรายชั่วโมง เพื่อรวบรวมหลักฐาน และยืนยันภายใน 48 ชั่วโมง จะมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า ต้องออกหมายเรียกก่อนหรือไม่ พันตำรวจเอก อุเทน ระบุว่า ความผิดมีโทษเกิน 3 ปี สามารถออกหมายจับได้เลยทันที และหมายจับที่ออก อาจจะเป็นกลุ่มผู้บริหาร หรือดาราที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเข้าองค์ประกอบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดในมูลฐานฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
ส่วนทรัพย์สินของ กลุ่ม The Icon Group ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินขนาดใหญ่ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ไม่สามารถยักย้าย หรือขายต่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตำรวจสามารถยึดอายัดมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายได้ ซึ่งขั้นตอนการเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายต้องดูขั้นตอนของ ปปง.
สำหรับการขายตรงสินค้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ขายตรง คือการนำสินค้าไปขายให้กับผู้บริโภคโดยตรงอาจจะเป็นการเคาะหน้าบ้าน หรือขายตามร้าน และอีกแบบคือ ขายตลาดตรง คือ การทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ใช่เป็นการเคาะประตู ซึ่งธุรกิจทั้ง 2 แบบ สามารถทำให้ถูกกฎหมายตามข้อกำหนดของ สคบ. แต่ก็จะมีเส้นบางๆระหว่างธุรกิจตลาดตรง และแชร์ลูกโซ่ คือ ต้องตรวจสอบว่าวิธีจำหน่ายสินค้าเป็นการโปรโมท หรือการระดมทุน ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีการระดมทุนจะเข้าข่ายความผิดแชร์ลูกโซ่ หรือ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดตามมูลฐานการฟอกเงิน
ส่วนที่มีการรวบรวมผู้เสียหายให้ได้ 200 คนขึ้นไปนั้น พันตำรวจเอก อุเทน มองว่า เป็นการรวบรวมผู้เสียหายให้เข้าหลักเกณฑ์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ
และล่าสุด มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ ตั้งแต่เมื่อวานถึงวันนี้ รวมจำนวนกว่า 161 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 62 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มขึ้นเกิน 200 คน แน่นอน โดยสามารถเข้ามาแจ้งความได้ที่กองบังคับการปราบปรามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่หยุดเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงตำรวจก็ทำงานร่วมกันตลอดทั้ง บก.ปคบ สคบ. DSI และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจากกระทรวงการคลัง และ ปปง.ในการทำคดีดังกล่าวโดยเฉพาะ