svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“เจ๊นุช" วอนสังคมให้โอกาส อย่าด่วนสรุปผิดถูก ยันสนิท "แม่ตั๊ก" แค่เรื่องงาน

ทีแรกไม่เครียด ตอนนี้เริ่มเครียด “เจ๊นุช บางเตย” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป ยอมรับเครียดจนเกือบปลิดชีพตัวเอง ยันสนิท "แม่ตั๊ก" แค่เรื่องงาน

10 ตุลาคม 2567 ความคืบหน้ากรณี น.ส.ณปภัช เขจรรักษ์ อายุ 39 ปี หรือ เจ๊ นุช บางเตย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง คนสนิทของ แม่ตั๊กและป๋าเบียร์  สามีภรรยาเจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น เข้าให้ปากคำตำรวจ ปคบ. ตามหมายเรียก คดี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" หลอกขายทองออนไลน์ ซึ่งภายหลัง การเข้าให้ปากคำ ทางตำรวจ ปคบ.ได้แจ้งข้อหา เจ๊นุช 2 ข้อหาคือ  ความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมฯ -โฆษณาเกินจริง ขณะที่ เจ๊นุช ยืนยันความบริสุทธิ์ และไม่เครียดแต่อย่างใด 

ต่อมาเวลา 18.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน เจ๊นุช ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหน อยู่บ้านตลอดแต่เป็นบ้านหลังใหม่ อีกทั้งนับจากเกิดเรื่อง ก็ได้ให้ทนายความคอยประสานกับทางตำรวจ ปคบ.มาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด เพราะบริสุทธิ์ใจจริง 
“เจ๊นุช\" วอนสังคมให้โอกาส อย่าด่วนสรุปผิดถูก ยันสนิท \"แม่ตั๊ก\" แค่เรื่องงาน
 

“ทั้งนี้อยากขอทุกคนให้โอกาส อย่าเพิ่งมองว่าเป็นคนผิด วันนี้ตนนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจหมดแล้วว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทองของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่มีการแชร์ข้อมูลว่า ตนมีทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ได้ชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้วเช่นกัน ว่า ทรัพย์สินของตนมีอะไรบ้าง ส่วนเรื่องทางคดี ขอไม่พูดถึง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นคนให้ข้อมูล”

เจ๊นุช กล่าวอีกว่า ยอมรับว่ารู้จักกับแม่ตั๊กมาตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นเอฟซี และเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ต่อมาเขาจะติดต่อให้มาช่วยไลฟ์ขายกางเกงในเก็บพุง ส่วนเรื่องระดับความสัมพันธ์ ยืนยันว่าสนิทกับแม่ตั๊กแค่เฉพาะเรื่องงาน เพราะเป็นคู่ค้า เคยซื้อโปรตีน โกโก้ ของเขามาขาย ไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ เป็นพิเศษ ส่วนเรื่องคอนเทนต์ช่วยเหลือคน ยืนยันว่าทำเพราะอยากสร้างแรงบรรดาลใจพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากเคยลำบากมาก่อน หลังจากนี้จะไม่ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้อีก แต่ก็อยากให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของนุชด้วย 

“ยอมรับว่าหลังเกิดเรื่องยังมีติดต่อกับเมียหรั่งอยู่บ้าง เรื่องการเข้าพบตำรวจ และเรื่องสถานที่ที่จะมาพบตำรวจ ขณะที่ในส่วนของแม่ตั๊ก หลังเกิดเรื่องไม่ได้ติดต่อกัน และไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์รถหรูหรือนาฬิกาหรูของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ขอชี้แจงว่าไม่ใช่คดีขายทองแม่ตั๊ก เป็นคนละคดีไม่เกี่ยวกัน และคดีทองแม่ตั๊กตนมาให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานเพียงเท่านั้น”
“เจ๊นุช\" วอนสังคมให้โอกาส อย่าด่วนสรุปผิดถูก ยันสนิท \"แม่ตั๊ก\" แค่เรื่องงาน
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยซื้อทองร้านแม่ตั๊กหรือไม่ เจ๊นุช ยอมรับว่า เคยซื้อ เป็นสร้อยข้อมือทองน้ำหนัก 10 บาท ขายร้านทองได้ตามปกติ เช่นเดียวกับปี่เซี๊ยะ ตนก็เคยซื้อมาในราคา 8 หมื่นบาท ตอนขายก็ขายร้านทองได้จริง อาจจะราคาลดลงเหลือ 4 หมื่น แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรานับถือตั้งใจซื้อมาเพื่อบูชา ไม่ได้เน้นกำไร แต่ที่ต้องขายเพราะช่วงนั้นขาดสภาพคล่อง

เมื่อถามว่า ยังรักแม่ตั๊กอยู่หรือไม่ ยืนยันว่ายังรักอยู่ แต่ก็อยากให้สังคมแยกแยะ ทุกวันนี้ตนเหมือนฆาตกร ลูกของตนไปโรงเรียนก็ได้รับผลกระทบอยากให้สงสารเด็ก หลังเกิดเรื่องตนเองก็ยอมรับว่า เครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตาย ขณะที่สามีตนก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นเดียวกัน เพราะป่วยเป็นซึมเศร้า จึงอยากขอโอกาสให้นุชได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ไม่อยากให้ด่วนสรุป 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แม่ตั๊กเคยซื้อของให้หรือไม่ เจ๊นุช ยอมรับว่า เคยเป็นกระเป๋าหรู (ดิออร์) ซื้อให้เมื่อปี 65 ราคาแสนแปดหมื่นบาท ส่วนปี 66 แม่ตั๊กให้กำไรคาร์เทียร์ แต่หากจะให้บอกว่า แม่ตั๊กนำเงินจำนวนมากมาจากไหน ไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนขยัน เลยไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่า รถหรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตนมีอยู่ทุกวันนี้ซื้อเองทั้งหมด
“เจ๊นุช\" วอนสังคมให้โอกาส อย่าด่วนสรุปผิดถูก ยันสนิท \"แม่ตั๊ก\" แค่เรื่องงาน