svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

จับลูกจ้างสาวแสบ ลักทรัพย์นายจ้างร้านกาแฟ เชิดเงินนับแสนบาท

สืบนครบาล รวบลูกจ้างสาวแสบ ลักทรัพย์นายจ้าง เชิดเงินค่ากาแฟนับแสนบาท สารภาพคิดน้อย หลังถูกลดเงินเดือนช่วงโควิด หาเงินหมุนจ่ายหนี้นอกระบบ ดอกร้อยละ20 และจ่ายแชร์หลายวง

ตามนโยบายของ พล.ต.ท..ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ปราบปรามอาชญากรรมผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน

วันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.67) เวลาประมาณ  13.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์  ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.ฯ ,พ.ต.ต.สุนทร ทองพงษ์เนียม สว.กก.สส.1ฯ , ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯ ร่วมกันจับกุมตัวนางสาวปัฐมาภรณ์ พูลสวัสดิ์อายุ 27 ปี ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 4635/2567 ลงวันที่24 กันยายน 2567 

ในข้อหา “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง” โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าร้านอาหาร ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

จับลูกจ้างสาวแสบ ลักทรัพย์นายจ้างร้านกาแฟ เชิดเงินนับแสนบาท

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาคือ ก่อนเกิดเหตุประมาณปี 2565 ผู้เสียหายได้ว่าจ้าง นางสาว ปัฐมาภรณ์ฯ เป็นลูกจ้างภายในร้าน Coffee & Bakery ชื่อดังย่านสามเสน กรุงเทพ โดยแจ้งให้พนักงานทราบว่า หากมีเพื่อนสนิทและญาติของผู้เสียหาย เข้ามาใช้บริการภายในร้าน ให้นำเงินสดประมาณ 30,000 บาท ที่เก็บไว้ในเคาร์เตอร์ของร้านมาชำระแทน หากเงินใกล้หมด ให้แจ้งผู้เสียหาย เพื่อจะได้นำเงินมาเติมอยู่เป็นระยะๆ 

ซึ่งในขณะที่ นางสาวปัฐมาภรณ์ฯ ทำงานภายในร้าน มักมีพฤติกรรมในการขอยืมเงินพนักงานภายในร้าน รวมถึงผู้เสียหาย เป็นจำนวนหลายครั้ง จนในบางครั้งผู้ถูกจับ ยังอ้างว่าแม่ของตนได้เสียชีวิต และไม่สามารถนำร่างของมารดาไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ เนื่องจากไม่มีเงินไปชำระให้แก่ทางโรงพยาบาล ด้วยความใจอ่อน และสงสาร ผู้เสียหาย จึงได้มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้แก่ผู้ถูกจับ แต่มาภายหลังมาทราบความจริงผู้ถูกจับหลอกลวง และมารดาของนางสาวปัฐมาภรณ์ฯ มิได้ล้มป่วย และเสียชีวิตแต่อย่างใด ซึ่งนางสาวปัฐมาภรณ์ฯ ยอมรับว่าได้โกหกจริง

ต่อมาประมาณเดือน ก.ย.2566 ผู้เสียหายพบความผิดปกติ โดยเงินจำนวนดังกล่าวได้ลดน้อยลงเร็วผิดปกติ แต่ยอดการจำหน่ายทางร้านมิได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด จึงได้ทำการตรวจสอบ และพบว่า นางสาวปัฐมาภรณ์ฯ ได้ทำการแอบลักเอาเงินที่ผู้เสียหายเก็บไว้ในเคาร์เตอร์สำหรับให้เพื่อนสนิทและญาติของผู้เสียหาย ในการชำระค่าบริการภายในร้านเป็นจำนวนหลายครั้งกว่า 56 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 213,000 บาท 

จับลูกจ้างสาวแสบ ลักทรัพย์นายจ้างร้านกาแฟ เชิดเงินนับแสนบาท

เมื่อทางร้านทราบเรื่อง จึงได้สั่งพักงานผู้ถูกจับ และไม่ได้เข้ามาทำงานอีกเลย ทางร้านจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพงส.สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผู้ถูกจับกุม ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ทำงานอาชีพเป็นพนักงานประจำภายในร้านกาแฟมาแล้วจำนวนหลายร้าน ในระหว่างนั้น ตนได้กู้ยืมเงินนอกระบบจากบุคคลภายนอกจำนวนหลายรายเป็นจำนวนเงินกว่า 60,000 บาท โดยจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 20 และร่วมเล่นวงแชร์จำนวนหลายวง เพื่อนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเลี้ยงดูบุคคลภายในครอบครัว ซึ่งอยู่ด้วยกันรวม 6 ชีวิต แต่พอมาถึงช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID 2019 ตนถูกลดเงินเดือน ขณะที่รายจ่ายเพิ่มมากขึ้น จนทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ตนจึงได้ออกมาหางานทำใหม่แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน  

จนกระทั่งปี 2565 ตนได้เข้ามาทำงานภายในร้าน Coffee & Bakery ของผู้เสียหาย พบเห็นว่าผู้เสียหายมักนำเงินมาเก็บไว้ภายในเคาน์เตอร์ร้าน ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มของเพื่อนและญาติของผู้เสียหาย (กรณีเข้ามาใช้บริการ) เมื่อตนทำงานอยู่ที่ร้านได้ประมาณปีกว่า พบเห็นพฤติการณ์ดังกล่าวมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือน ก.ย.2566 ตนเกิดปัญหาขัดสนเรื่องเงินทองภายในครอบครัว จึงเกิดความโลภความอยากได้ขึ้นมา จึงได้ฉวยโอกาสที่เจ้าของร้านและพนักงานไม่อยู่ แอบลักเอาเงินออกจากเคาน์เตอร์ดังกล่าวมาโดยตลอด ครั้งละประมาณ 3,000 – 5,000 บาท เป็นจำนวนกว่า 50 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 200,000 บาท 

จนภายหลังทางร้านได้สั่งให้พักงาน จึงไม่ได้เข้าไปทำงานภายในร้าน และเพิ่งจะได้งานใหม่เป็นพนักงานภายในร้านกาแฟ ย่านอารีย์ ได้ประมาณ 2 เดือน ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวขณะทำงาน

“ยอมรับว่าคิดน้อย” แอบลักเงินดังกล่าวมาโดยตลอด ซึ่งไม่คิดว่าทางร้านจะตรวจสอบแต่อย่างใด 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส.สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป      

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ฝากเตือนไปยังเจ้าของ หรือ ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารทุกท่านนอกจากการบริหารการลงทุนภายในร้านของท่านแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงาน ว่ามีพฤติกรรม การกระทำในลักษณะที่เสี่ยง หรือล่อแหลมต่อการก่อเหตุกระทำความผิดหรือไม่ เพื่อป้องกันมิให้ท่านได้ตกเป็น “เหยื่อ” ของบุคคลใกล้ตัว อันอาจกระทบต่อการดำเนินกิจการธุรกิจของท่าน หากท่านพบเห็นเหตุสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที