กรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ( และฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี คุมตัว นายสุรศักดิ์ หรือเอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย หรืออาร์ท อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา 2 พี่น้องเจ้าของโรงงานผสมสุราเถื่อน มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังได้นำหมายศาลอาญามีนบุรี เข้าจับผู้ต้องหาทั้งคู่อีกครั้ง ที่บ้านพักของญาติในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นคดีของตำรวจนครบาลมีนบุรีรับผิดชอบ เมื่อกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา
30 สิงหาคม 2567 ล่าสุดที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยสาเหตุที่จับกุม 2 พี่น้องอีกรอบว่า
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า สืบนครบาลได้รับการสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ประสานกำลังกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ในการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพราะภายหลังได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากศาลแล้ว ปรากฎว่าทั้งคู่หายตัวไปจากแหล่งที่อยู่
ต่อมาชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่า ทั้งคู่ได้ไปหลบอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ระดมกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจอยุธยากว่า 50 ชีวิต ใช้เวลากว่าครึ่งวัน จนไปพบตัวหลบอยู่ในพื้นที่ป่า
พอเข้าจับกุมผู้ต้องหาก็ต้องยอมจำนน แต่อ้างว่าไม่ได้หลบหนี แต่ตำรวจมองว่าจากพฤติการณ์ถือเป็นการหลบหนี เพราะจุดที่ไปพบตัว ไม่ใช่แหล่งที่อยู่โดยปกติ ทั้ง 2 คนมีบ้านพักอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ส่วนผู้ที่ให้ที่พักอาศัยที่อยุธยา ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีเจตนาช่วยเหลือก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
เบื้องต้น จากการสอบปากคำทั้ง 2 คน ยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาดองของเจ๊ปูจริง แต่ได้ผสมสุราในสูตรที่มนุษย์สามารถรับประทานได้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอำนาจหน้าที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ในการสอบขยายผลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่เชื่อว่าไม่นานความจริงจะปรากฎ