1 มิถุนายน 2567 ช่วงบ่ายวันนี้ (1 มิ.ย. 67) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขา ป.ป.ส. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประสานงานส่วนที่เหลือเพิ่มเติม ก่อนนำตัว นายชวลิต ทองด้วง หรือ "แป้ง นาโหนด" นักโทษหนีคดีรายสำคัญ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
ซึ่งการเดินทางไปในวันนี้ เป็นการไปประสานงานภายในเพิ่มเติม ในด้านเอกสารต่างๆ จากนั้นก็จะประชุมความร่วมมือกัน ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อประสานงานเรื่องการหาข้อมูลของการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จึงมี ป.ป.ส. เดินทางไปด้วย รวมถึงเป็นการไปขอบคุณทางการอินโดนีเซีย ที่ได้ให้การสนับสนุน ทั้งตำรวจอินโดนีเซีย ตำรวจท้องถิ่นเกาะเมดาน เกาะบาหลี ซึ่งได้ทุ่มเททำงานในการจับกุมครั้งนี้ และจะพาตำรวจดังกล่าวมาพบทางการไทยด้วย
ส่วนการส่งตัวกลับมา พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นความร่วมมือต่างตอบแทน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีการส่งตัวกลับ เพราะทางการไทยได้ร้องขอให้จับกุมคนร้ายคนสำคัญ และอินโดนีเซียก็มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย เพราะไทยเคยส่งผู้ต้องหาค้ายาไปให้อินโดนีเซียกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายอินโดนีเซีย ดังนั้นเมื่อ "แป้ง นาโหนด" คนเป็นคนร้ายรายสำคัญของไทย แต่ไม่มีคดีในอินโดนีเซีย การส่งตัวกลับครั้งนี้ จึงก็จะเป็นการผลักดันออกนอกประเทศ และการนำตัวกลับมา โดยเกิดจากการร่วมมือกันของอินเตอร์โพล
"ยืนยันว่า การจับกุม แป้ง นาโหนด เกิดจากการมีหมายแดงอยู่แล้ว ส่วนวิธีสืบสวนเป็นเรื่องการติดตามตัว ที่สืบมานานแล้ว และตำรวจก็ได้เกาะติดมานาน ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นการทะเลาะเบาะแว้งกับสาวในอินโดนีเซีย เพราะการทะเลาะเบาะแว้งไม่จำเป็นต้องมีหมายจับ และครั้งนี้ต้องให้เครดิตทางการอินโดนีเซียในการติดตามตัวมาให้" พ.ต.อ.ทวี ระบุ
ส่วนกรณีกระแสข่าวที่มีข้อมูลว่า แป้ง นาโหนด เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาตินั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ทางการอินโดนีเซีย ตรวจสอบแล้ว ยืนยันเบื้องต้น แป้ง ยังไม่มีการกระทำความผิดในประเด็นนี้ ส่วนในอนาคตหากพบว่า แป้งกระทำความผิดและเกี่ยวข้องการยาเสพติดข้ามชาติ ก็จะมีหมายจับตามมา ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และอาจจะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่อินโดนีเซีย
ทั้งนี้ตามขั้นตอน เมื่อแป้ง กลับมาถึงประเทศไทย พร้อมกับ พล.ต.ท.ประจวบ และคณะที่ไปรับตัว ก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยพนักงานสอบสวนจะมาแจ้งข้อหา ในคดีที่ยังสอบสวนอยู่ ทั้งคดีหมายจับพัทลุง 3 หมาย หมายจับนครศรีธรรมราชอีก1หมาย รวม 4 หมายจับ ทั้งคดีพยายามฆ่า หนีที่คุมขัง และอาวุธปืน และจากนั้น ราชทัณฑ์ก็จะเอาไปควบคุมตัวไว้ ตามคดีที่ถูกตัดสินถึงที่สุดให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีการปล้นทรัพย์ เรื่องการขัดแย้งยาเสพติด
แม้ในทางปฏิบัติจะต้องเอาไปคุมตัวที่เกิดเหตุ แต่ในปัจจุบันใช้ช่องทางกระบวนการผ่านทางออนไลน์ได้ ก็สามารถคุมขังที่กรุงเทพได้ ทำให้ยืนยันว่า เบื้องต้น จะเอาตัว แป้ง นาโหนด ไว้ในเรือนจำความมั่นคงสูงที่กรุงเทพมหานคร เพื่อไม่ให้หลบหนี และไม่ไปก่อเหตุซ้ำ
ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการประสานเรื่องการโอนสำนวนคดีในพื้นที่ พัทลุง และนครศรีธรรมราช มาที่กรุงเทพมหานคร
ส่วนแป้ง นาโหนด จะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในประเทศไทยหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี บอกว่า แม้จะยังไม่มีหลักฐาน ที่ปรากฎว่า แป้ง นาโหนด ค้ายาเสพติด แต่ถ้าไปอ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์ ก็จะมีรายละเอียดเรื่องนี้อยู่ ทำให้ตอนนี้อยู่ระหว่างการตั้งเรื่องสืบสวน
ส่วนกรณีความกังวลใจของครอบครัว รวมถึง แป้ง นาโหนด ที่กังวลว่าจะได้รับอันตราย หรือถูกฆ่าตัดตอน หากกลับเข้าเรือนจำอีกครั้งนั้น เพราะอาจจะไปเกี่ยวข้องกับการเปิดโปงการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ก็คิดได้แต่เป็นไปไม่ได้ และกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีสอบสวนเรื่องแป้งเคยพูด หากเป็นเรื่องจริงก็ดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงก็จะได้ซักฟอกตัวเอง และหวังว่าสิ่งที่แป้งพูด จะเป็นเรื่องจริง ดังนั้นรัฐบาลก็จะต้องคุ้มครองป้องกันไม่ให้แป้งเสียชีวิตแน่นอน
และเมื่อได้ตัวมาแล้ว ก็จะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนทั้ง 2 จังหวัด เพื่อให้มาร่วมสอบปากคำตามข้อหาของหมายจับในพื้นที่ รวมถึงตำรวจจะต้องมีการสอบปากคำเรื่องเส้นทางการหลบหนีทางทะเล ขบวนการช่วยเหลือ การให้ที่พักพิงทั้งในไทยและในอินโดนีเซีย ซึ่งจะสอบปากคำทั้งหมด รวมทั้งประเด็นตำรวจหญิงญาติของแป้ง ที่มีความใกล้ชิดกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วยว่า จะเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือให้หลบหนีในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียดจะปรากกฏข้อเท็จจริงทั้งหมดหลังการสอบปากคำ