ถือเป็นคดีดังในปี 2566 ที่ผ่านมา กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือฉายา เสี่ยแป้ง นาโหนด ทำการแหกคุก หลังถูกพาตัวไปรักษาตัวที่ รพ. เมื่อช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ขณะนี้เจ้าหน้าที่สั่งระดมกำลังไล่ล่าตัวผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง
โดยจากการสอบสวน สืบทราบว่า นายเชาวลิต มีอาการป่วย ทำให้เจ้าหน้าที่เรือนจำ ต้องพาตัวมารักษาทันตกรรมตามนัดของแพทย์ โดยขาสองข้างใส่ตรวนเหล็กไว้ แต่ปรากฏว่า นายเชาวลิต ได้สะเดาะตรวนหนีไปแล้ว แม้มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 คน เฝ้าไว้
ส่องประวัติ “เสี่ยแป้ง นาโหนด”
เป็นชาวตำบลท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง มีอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถ อยู่ในพื้นที่ตำบลท่าแค ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถชื่อดัง ที่คนพัทลุงรู้จักกันดี และนับเป็นคนดังคนหนึ่ง มีประวัติทั้งลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และในทางนักเลง
เล่ากันว่า นิสัยใจคอของ “เสี่ยแป้ง” เป็นคนพูดเพราะ แม้กับลูกน้องก็พูดจาดี ไม่ก้าวร้าว แต่ที่น่าสนใจคือ บรรดาลูกน้องของเสี่ยแป้งส่วนใหญ่ มักจะเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธปืน จนมีคดีความอยู่หลายคดีทีเดียว
เคยลงสมัครสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง
“เสี่ยแป้ง นาโหนด” เคยลงสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เมื่อปี 2562 แต่สอบตก ขณะที่มีข้อมูลด้วยว่า “เสี่ยแป้ง” เตรียมเงินทุนจำนวนมากเพื่อจะลงสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุงด้วย
นาทีนั้นคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ หลังก่อเหตุหลบหนีออกจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โดยได้รับการช่วยเหลือจาก นายเฉลิมพงษ์ ฤทธิ์รงค์ หรือวัว อายุ 37 ปี ลูกน้องคนสนิท
ย้อนดูประวัติอาชญากรรมของ “เสี่ยแป้ง”
ทีมข่าวตรวจสอบพบว่า มีคดีความในชั้นศาลอยู่หลายคดี แต่คดีที่ทำให้ “เสี่ยแป้ง” ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี 6 เดือน คือ คดีที่ร่วมกับพวกเข้าปล้นผู้ต้องหา จากตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด และยังมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติด คดีอาวุธปืน และคดีความรุนแรงอีก 11 คดี
หลอกเจ้าหน้าที่หัวปั่นบนเขาบรรทัด
ท้ั้งนี้ภายหลังการหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามไล่ล่า "เสี่ยแป้ง นาโหนด" อย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 8 พ.ย. 66 ได้มีข่าวใหญ่ คือการนำเสนอว่า ได้เกิดการปะทะช่วงเขาบรรทัดรอยต่อ 3 จังหวัด โดยมีการเอกสารรายงานจาก ศปก.ตร. ระบุว่า "วิสามัญเสี่ยแป้ง" แล้ว แต่ในเวลาต่อมาพบว่า นายเชาวลิต สามารถหลบหนีตำรวจที่ปิดล้อมไปได้ โดยตำรวจระบุว่า เพราะหมาเห่า ทำให้เสี่ยแป้งไหวตัวและยิงต่อสู้ จนกระทั่งหลบหนีไปได้
จากนั้นได้เกิดปฏิบัติการระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากฝ่ายต่าง ๆ ไล่ล่าตัว "เสี่ยแป้ง นาโหนด" บนเทือกเขาบรรทัด อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกองทัพสื่อมวลชนต่างพากันไปยังบริเวณดังกล่าวเพื่อนำเสนอข่าว
อย่างไรก็ตาม หลังมีปฏิบัติการติดตามไล่ล่า "เสี่ยแป้ง นาโหนด" บนเทือกเขาบรรทัดนานนับเดือน ทำให้หลายฝ่ายมันใจว่า ผู้ต้องหารายสำคัญรายนี้ได้หลบหนีออจากพื้นที่ไปแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องประสบความยากลำบากในการปฏิบัติการ โดยเฉพาะจากสภาพอากาศที่โหดร้าย
เสี่ยแป้ง นาโหนด หลบหนีออกจากประเทศ ตอกย้ำว่าไม่ได้อยู่บนเทือกเขาบรรทัด
จนกระทั่งช่วงปลายเดือน ธ.ค. 66 ได้มีการเผยแพร่คลิป "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ยืนติดรั้วลวดหนาม ซึ่งพบว่าเป็นรั้วกั้นระหว่างแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีพื้นดินติดกัน ไม่ใช่หมู่เกาะ หรือมีทะเลขวางกั้นระหว่างประเทศทางใต้ หลังมีกระแสข่าวว่า เจ้าตัวหลบหนีไปยังประเทศอินโดนีเซียได้แล้ว
ซึ่งกรณีดังกล่าว "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการประสานกับผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย โดยประสานผ่านทางกองการต่างประเทศ และตำรวจสากล ให้มีการออกหมายแดงดำเนินคดีกับเสี่ยแป้ง ไม่ใช้วิธีนำกำลังเข้าไปจับ แต่เป็นการขอความร่วมมือให้ประเทศเพื่อนบ้านดำเนินการเอง
กระทั่งวันนี้ (30 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า "ได้รับรายงานจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า "แป้ง นาโหนด" นักโทษหนีคดี ถูกจับกุมตัวแล้ว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานความร่วมมือกับทางการอินโดนีเซียครับ"
โดยบุคคลที่มีบทบาทในการติดตามตัว และประสานกับทางการอินโดนีเซีย จนได้ตัว "แป้ง นาโหนด" คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดย พ.ต.อ.ทวี เดินทางไปอินโดนีเซีย หลังเสร็จสิ้นการไปดูงานที่โปรตุเกส และเยอรมนี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแวะไปติดตามความคืบหน้าการติดตามตัว แป้ง นาโหนด ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย โดยมี พล.อ.นิพัทธ์ ช่วยประสานงานอย่างใกล้ชิด เพราะ พล.อ.นิพัทธ์ มีสายสัมพันธ์ที่ดีมากกับอินโดนีเซีย สมัยเป็นทหาร เคยเป็นหัวหน้าผู้สังเกตการณ์การวางอาวุธ ในกระบวนการสันติภาพอาเจะห์ ของอินโดนีเซีย ถึงขั้นเคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง จากผู้นำอินโดนีเซียในยุคนั้นด้วย