19 กันยายน 2566 พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เปิดเผย ภายหลังจากการประชุมชุดพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิต ภายในที่ทำการของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
โดย พ.ต.ต.วิวัฒน์ ยืนยันว่าการรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรคภาค 7 ของกองปราบปรามไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้ได้เพียงถึงเดือน ส.ค. ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเพียงเวลา 10 นาฬิกา แต่ยืนยันว่า ตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้
ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งแม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้ว ก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้
นอกจากนั้นคณะทำงานจะทำเรื่อง ถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดี มาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อขัดแย้งกับคำให้การหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที