svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"บิ๊กโจ๊ก" เผย ผบ.ตร.สั่งโอนคดียิง "สว.แบงค์" ให้กองปราบฯ ยันไม่ได้เจอตอ

"บิ๊กโจ๊ก" ระบุ ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนดคียิง "สารวัตรแบงค์" ให้กองปราบฯ ดำเนินคดีตำรวจในที่เกิดเหตุผิด ม.157 ยืนยันไม่ได้เจอตอ พร้อมเดินหน้าขยายผลปมฮั้วประมูล และสอบเส้นทางการเงิน "กำนันนก"

17 กันยายน 2566 ความคืบหน้าคดียิง "สารวัตรแบงค์" พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว จนเสียชีวิต ภายในบ้าน "กำนันนก" นายประวีณ จันทร์คล้าย ที่ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในบ้านกำนัน เผยถึงคำให้การที่โกหก ของตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงมีการเรียกสอบปากคำใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติม 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมและติดตามความคืบหน้าคดี โดยระบุว่า จากการดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดพบว่า คำให้การขัดแย้งกัน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและไม่ตรงกับภาพในกล้องวงจรปิด ส่วนนี้จะนำไปสู่ในเรื่องของการสอบสวน 

โดยวันนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งโอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีกับตำรวจตามมาตรา 157 หรือข้อหาให้การเท็จ ส่วนนี้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. จะเป็นผู้ให้ข้อมูลและรับผิดชอบคดีนี้ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ วันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.66) พนักงานสอบสวนกองปราบฯ จะต้องร่วมกันพิจารณา
นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก

ส่วนการทำหน้าที่วันนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของการสืบสวน จะขยายผลการประชุมร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, กรมบัญชีกลาง, กรมสรรพากร, สำนักงาน ป.ป.ช., ปปง., และ ป.ป.ท. จะขยายผลในเรื่องเส้นทางการเงิน, การร่ำรวยผิดปกติ, การเลี่ยงภาษีอากรหรือไม่ ส่วนนี้ตนจะรับผิดชอบต่อร่วมกับชุดสอบสวนของภาค 7
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

ซึ่งสำนวนเรื่องกำนันนก, คดีฆ่า พยามฆ่า, ตำรวจร่วมทุจริตหรือไม่ ส่วนนี้กองปราบจะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง วันพรุ่งนี้ พ.ต.อ.เอนก จะหารือร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และจะมีความชัดเจนว่า จะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง ทำให้วันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร โดยยืนยันว่า ที่โอนสำนวนคดีไม่ได้เป็นเพราะเจอตอแน่นอน 

พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ส่วนประเด็นของ ผกก.สน.พญาไท ก่อนหน้านี้ได้ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม ไปแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นประเด็นปลีกย่อย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นนอกจากตำรวจที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 6 คน จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ วันพรุ่งนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับกองปราบ และจะมีข้อยุติในวันพรุ่งนี้

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 157 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ให้โอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองปราบ การดำเนินการในส่วนที่เหลือจะสอบสวนต่อว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งในกล้องวงจรปิดเห็นพฤติการณ์ของแต่ละคนชัดเจน กองปราบจะนำไปพิจารณาต่อ ซี่งตอนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากถึง 34 คน ก็จะนำไปพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบอีกครั้ง ยอมรับว่าการดำเนินการในส่วนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดูและให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยบุคคลที่กระทำผิดในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานก็จะดำเนินการฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

ส่วนตอนนี้การสอบสวนแยกเป็น 2 คดี คดีแรก คือคดีการเสียชีวิตของสารวัตรศิว มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 7 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนกำนันนก ดำเนินคดีในข้อหาผู้ใช้ และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งได้แจ้งข้อหาฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดไปแล้ว

ส่วนอีกหนึ่งคดีคือมาตรา 157 ปฏิบัติหรือพลเว้นการปฏิบัติหน้าที่หน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งกองปราบได้ดูสำนวนการสอบสวนไปแล้ว มีผู้ต้องหา 6 คน คือตำรวจที่มีการออกหมายจับและฝากขังไปก่อนหน้านี้
เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้าน กำนันนก

ด้าน พล.ต.ท.สันติ์ สุขวัจน์ ที่ปรึกษารอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ เมื่อวานได้นำตัวช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ข้อมูลที่กู้มาได้พบว่ากล้องวงจรปิดตัวที่ 6 ไม่มีภาพหน้าโต๊ะจีน และพบว่ามีการดึงสายกล้องวงจรปิดออก ไม่มีการล็อกอินผ่านมือถือเครื่องใด จึงสันนิษฐานว่า "กำนันนก" ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ จึงใช้วิธีดึงสายกล้องออก ประกอบกับกล้องวงจรปิดตัวอื่นจับภาพได้ว่า กำนันนกอยู่ในบ้านช่วงนี้เพียงคนเดียว ส่วนการตรวจสอบ DNA ที่สายกล้องไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะ DNA น้อย

ทั้งนี้ มีรายงานว่าชุดคลี่คลายคดีได้เรียกตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบปากคำแล้ว พบว่าทุกคนอยู่ในอาการเครียด เพราะไม่คิดว่าตนเองจะถูกออกหมายเรียก 

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีตำรวจบางนายขึ้นลำกล้องจะต่อสู้หลังเกิดเหตุยอมรับว่า "มีจริง" แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวนของกองปราบ 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมตำรวจที่ขึ้นลำกล้องไว้ถึงไม่ต่อสู้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธตอบคำถามนี้ และขอให้ไปถามจากกองปราบฯ แต่ตามปกติแล้วความผิดซึ่งหน้า ตำรวจต้องทำหน้าที่ จะมาอ้างว่าตกใจไม่ได้ เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องจับคนร้าย ต้องรักษาที่เกิดเหตุ เพราะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ส่วนการสอบสวนเรื่องเส้นทางการเงินของกำนันนก วันที่ 19 ก.ย.66 นี้ จะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 หน่วยงาน ซึ่งการจับกุมในวันนี้เป็นการจับกุมแค่ปลายเหตุ ต้องขยายไปถึงความผิดปกติว่าทำไมกำนันนกถึงได้โครงการของรัฐกว่า 1,500 โครงการ มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งต้องขยายผลไปถึงตรงนี้ รวมถึงเส้นทางการเงินต่าง ๆ ว่ามีการโอนไปที่ไหนบ้าง ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นระดับใด
ผู้ว่าฯ นครปฐม สั่งปลดกำนันนก พ้นตำแหน่ง คกก.ผู้ทรงคุณวุฒิฯ ของ กต.ตร.นครปฐม
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกถึงกรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งกำนันนก เป็นกรรมการการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ จ.นครปฐม ด้วยว่า เป็นคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ที่เสนอโดนผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม แต่เมื่อเกิดเรื่องได้เซ็นยกเลิกคำสั่งไปแล้ว โดยการเสนอของผู้บังคับการฯ เสนอไปยังผู้ว่าฯ ส่วนการคัดเลือก ต้องยอมรับว่ากำนันนกและผู้บังคับการฯ รู้จักกันอยู่แล้ว เพราะถ้าหากไม่รู้จักก็คงไม่มีการแต่งตั้ง โดยส่วนนี้กองปราบจะสอบสวนต่อ 

ส่วนคุณสมบัติในการแต่งตั้งมีหลักเกณฑ์มีอยู่แล้ว คนที่จะเข้ามาเป็น กต.ตร.ต้องเอาคนที่มีจิตมุ่งมั่นที่จะมาสนับสนุนงานตำรวจ เหมือนเอาผู้แทนภาคประชาชนเข้ามาเพื่อจะบอกว่าในจังหวัดนครปฐมมีปัญหาอะไรบ้าง เป็นเครื่องสะท้อนการทำงานของตำรวจ จึงต้องเอาคนเหล่านี้เข้ามาเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ซึ่งจะมีการประชุมทุกเดือน แต่การคัดกรองก็จะต้องคัดคนดีเข้ามา ไม่ใช่คัดคนไม่ดีเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ต้องตำหนิ และวันนี้ทุกจังหวัดต้องตื่นตัวในเรื่องของการพิจารณา จะต้องไม่เอากลุ่มผู้อิทธิพลเข้ามาอยู่ใน กต.ตร.เรื่องนี้ต้องไปปรับเปลี่ยน

ล่าสุด มีรายงานว่า ในส่วนของพลเรือนที่ถูกดำเนินคดี มีจำนวน 10 ราย ซึ่งมี นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก และนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา ที่ถูกตำรวจวิสามัญเสียชีวิต อยู่ในจำนวนนี้

ขณะที่ตำรวจที่ถูกออกหมายจับ และดำเนินคดี มีจำนวน 6 นาย (ตร.คุมตัวฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 ไปก่อนหน้านี้)

ตำรวจที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 จำนวน 13 นาย โดย 2 ในนี้ มี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสง หรือ "ผกก.เบิ้ม" ผกก.2 บก.ทล. (เสียชีวิต) และ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท

ส่วนตำรวจที่รอดจากการถูกดำเนินคดีมีทั้งหมด 9 นาย 1 ในจำนวนนี้ คือ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ผู้บาดเจ็บ