17 มิถุนายน 2566 ตำรวจรวบน้องเล็กตำนานแก๊งตีนแมวเลื่องชื่อ "ไข่เล็ก" กวาดทรัพย์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 29 ล้านบาท เพิ่งพ้นโทษออกมาแล้วยังมาก่อเหตุซ้ำ โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังสืบสวนเข้าจับกุม นายศราวุธ หรือ ไข่เล็ก อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/155 ม.6 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา "ลักทรัพย์ ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า" จับกุมได้ขณะกำลังก่อเหตุ บริเวณริมถนนบางเอียน ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลาง ไขควง, อุปกรณ์การงัดแงะ และเงินสด (ต่างประเทศ) ที่ขโมยมา
สำหรับพฤติการณ์ของ "จอมโจรไขควงเดียว" แผนประทุษกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะของแก๊งตีนแมว "สี่พี่น้องไทยสยาม" ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อในยุคสมัย Y2K ปี 2549 โดยแก๊งนี้ได้ออกอาละวาดก่อเหตุ เข้าไปขโมยของในบ้านเรือนประชาชน พื้นที่กทม.และปริมณฑล กวาดทรัพย์ไปรวมทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 29 ล้านบาท โดยใช้เพียง "ไขควงอันเดียว"
นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคเฉพาะ คือ "บนลงล่าง" กล่าวคือจะปีนขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นงัดกระเบื้องมุงหลังคา แล้วสอดตัวลงไปใต้หลังคา เปิดฝ้าเพดาน แล้วหย่อนตัวลงไปขโมยทรัพย์สิน สุดท้ายถูกตำรวจจับกุมได้ทั้งแก๊งสี่พี่น้องตระกูลไทยสยาม และเข้ารับโทษในเรือนจำ
ภายหลังพ้นโทษ นายศราวุธหรือไข่เล็ก น้องเล็กของสี่พี่น้อง ยังคงยึดอาชีพโจรเพียงคนเดียว ด้วยความรู้ความชำนาญ ทำให้ถูกจับกุมอีก เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.55 พื้นที่ สภ.ปากช่อง และเมื่อพ้นโทษออกมา ก็ยังยึดอาชีพเดิม จนมาถูกจับกุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 ก.ย.61 พื้นที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี และเพิ่งโทษออกมาเมื่อปี 2565 และยังคงตระเวนก่อเหตุ แต่ครั้งนี้ได้นายศราวุธ ได้พัฒนารูปแบบ "ตีนแมวขั้นเซียน" ก่อเหตุอย่างแนบเนียน รู้ช่องทางการหลบหลีก สร้างความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
แต่ ตำรวจได้ใช้ความพยายามสุดความสามารถ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ โดยทางพล.ต.ต.ธีรเดช ได้ติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสะกดรอยตามทุกฝีก้าว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ มีความละเอียดรอบคอบ มีความรู้วิชาโจรขั้นสุด การออกล่าคัดเลือกจุดที่จะก่อเหตุของคนร้าย
โดยการเลือกสถานที่ก่อเหตุ ที่มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์แบบเก่า ในพื้นที่ที่คนพลุกพล่าน เช่นตลาดหรือตัวอำเภอ โดยอาคารต้องมีประตูทางเข้าด้านหลัง และมีตรอก ที่สำคัญคือต้องไม่มีคนอยู่ เมื่อเจอจุดที่ถูกใจจะทำการเฝ้าดู นับกล้องวงจรปิดทุกตัวในเส้นทาง จำลองและซักซ้อมเส้นทางก่อน-หลังก่อเหตุ หากพบสิ่งผิดสังเกต จะยังไม่ลงมือก่อเหตุ
นอกจากนี้คนร้ายรายนี้ยังมีเทคนิค การตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทำให้ปฏิบัติการต้องใช้เวลา กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายได้ออกดูลาดเลา เลือกจุดที่จะก่อเหตุอีกครั้ง ก่อนจะดื่มเหล้าและขับรถวนเวียนเฝ้าดู และอำพรางตัว นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง เข้าไปในเมืองพระนครศรีอยุธยา ก่อนหายเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง
ตำรวจจึงนำกำลังปิดล้อมนานกว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งคนร้ายได้เดินออกมา ท่าทางมีพิรุธ ร้อนรน ตำรวจจึงได้เข้าจับกุม ค้นในตัวพบไขควง และอุปกรณ์การงัดแงะ อีกทั้งพบทรัพย์สินของกลาง ที่เพิ่งจะขโมยมา จากอาคารพาณิชย์แบบเก่าแห่งหนึ่ง ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ลักทรัพย์ ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทาง ซึ่งได้ทำโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า"
ด้านนายศราวุธ รับสารภาพว่า เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมได้เดินทางมาอาศัยเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ หลังจากจบปริญญาตรีได้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ได้เงินน้อยและไม่พอใช้ จึงเดินทางเข้าสู่สายโจรตีนแมว เริ่มขโมยจากของเล็กๆน้อยๆ เรื่อยมา จนมีชื่อเสียง ชื่อ "แก๊งไทยสยาม" ซึ่งมาจากนามสกุลเดียวกัน เพราะทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน
จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2548-2549 ได้เข้าไปขโมยของในบ้าน ย่านยานนาวา ได้ทรัพย์สินรวมหลายล้านบาท ซึ่งเป้าหมายของการเข้าขโมยคือ เงิน ทอง เครื่องเพชรและพระที่มีมูลค่า แต่สุดท้ายถูกตำรวจจับกุม และเข้าเรือนจำ เมื่อพ้นโทษออกมาแล้วก็ยังติดนิสัยเดิม จึงไปก่อเหตุและถูกจับอีก 2 ครั้ง
ทุกครั้งที่ถูกจับได้เรียนรู้วิชามากขึ้น สำหรับก่อเหตุครั้งนี้ ได้เตรียมการก่อเหตุเป็นอย่างดี เพราะได้มีวิธีการหลบเลี่ยงหลายอย่าง ซึ่งวิชาที่เรียนมาจากติดคุกอยู่ในเรือนจำ ที่ติดมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงจริงๆว่าจะถูกจับคาหนังคาเขา ยังรู้สึกงงอยู่ และขอให้คำมั่นกับชุดจับกุม หากพ้นโทษออกมาแล้ว จะไม่ก่อเหตุอีกเพราะไม่อยากติดคุกอีกแล้ว โดยเตือนไปยังประชาชนว่าหากไม่อยากถูกขึ้นบ้านต้อง เลี้ยงหมา และไม่เก็บทรัพย์สินไว้ในบ้าน
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า คนร้ายรายนี้ไม่เหมือนอาชญากรทั่วไป เพราะมีความรู้ ความชำนาญและทักษะในการก่อเหตุที่สูง เกินอาชญากรทั่วไปมาก เนื่องจากก่อเหตุมาอย่างโชกโชนเป็นเวลาต่อเนื่อง ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แม้ถูกจับกุมไปถึง 3 ครั้งแล้ว พ้นโทษมาก็ยังก่อเหตุอยู่เช่นเดิมอีก ทำจนเป็นสันดาน เป็นอาชญากรโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง
ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านอยู่ในสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ หากประสบเหตุขโมยขึ้นบ้านแล้วมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายคลึงกับคดีนี้ สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.