ฝากขัง 3 ตำรวจตม. คดีอุ้มรีดเงินชาวจีน-ล่ามไทยบ่ายนี้ พร้อมค้านประกันตัว

22 มีนาคม 2566 ความคืบหน้าคดี "แก๊งตำรวจ" สังกัดตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. พัวพันรีดทรัพย์ชาวจีนและล่ามไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.ดินแดง พลตำรวจตรีอัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังจากนำตัว 3 ใน 6 แก๊งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่ถูกออกหมายจับในคดีอุ้มชาวจีนและล่ามสาวชาวไทยไปรีดไถทรัพย์ นับ 10 ล้านบาท มาสอบปากคำ ที่ สน.ดินแดง ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงประมาณตี 3 แต่ผู้ต้องหามีอาการเคร่งเครียด จึงต้องนำตัวผู้ต้องหาไปพักก่อน และสอบปากคำต่อในช่วงเช้าวันนี้ 

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 นายยังคงให้การภาคปฏิเสธ โดยรับว่าอยู่ในชุดที่ไปจับกุมชาวจีน แต่ไม่ได้เรียกรับทรัพย์ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะอ้างได้ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน และคำให้การของผู้ต้องหาก็มีบางประเด็นที่เป็นประโยชน์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• คุมเข้ม สอบเค้น 3 ตำรวจตม. อุ้มรีดเงินชาวจีน ทุกคนปฏิเสธชั้นสอบสวน
• เตรียมออกหมายจับ 4 ตร.แก๊งอุ้มชาวจีน-ล่ามสาว เย็นนี้
• ล็อกตัวแล้ว แก๊งตำรวจอุ้มรีดทรัพย์ชาวจีน-ล่ามสาว ย่านดินแดง

ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำอีกหลายประเด็น หากสอบปากคำแล้วเสร็จ ก็จะนำตัวไปฝากขังต่อศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานรู้ช่องทางการกลบเกลื่อนร่องรอยพยานหลักฐานเป็นอย่างดี จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พนักงานสอบสวนต้องยื่นคัดค้านประกันตัว แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสามารถควบคุมตัวได้ถึงวันพรุ่งนี้ (23 มีนาคม)

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่ผ่านมามีตำรวจนายที่ 5 ซึ่งยังไม่ถูกออกหมายจับ คือ ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด สังกัด บก.ตม.1 ซึ่งได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ยังคงให้การภาคเสธ ซึ่งได้มีการแจ้งข้อหาร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ตามพฤติการณ์เช่นเดียวกับตำรวจ 3 นายก่อนหน้านี้ 

ขณะนี้ยังรอเอกสารบางอย่างจากชุดสืบสวน เพื่อใช้ในการสอบสวนบางประเด็น ซึ่งหากสอบสวนแล้วเสร็จก็จะนำตัวไปขอหมายขังต่อศาลเช่นกัน

ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 ราย คือ พันตำรวจตรีจิรภัทร บุญนำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ขณะนี้ได้ประสานผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าวช่วยประสานให้เข้ามอบตัว แต่ยังไม่มีการติดต่อประสานเข้ามา

ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายชาวจีน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนของตำรวจคนเข้าเมืองประสานขอข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ และจะประสานให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความและให้ปากคำของตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งหากพยานหลักฐานไปถึง ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในทุกข้อหา

ส่วนพลเรือนที่ทำหน้าที่ชี้เป้า และติดตามความเคลื่อนไหว ยังไม่แน่ชัดว่ามีจำนวน 1 หรือ 2 คน แต่ก็เตรียมจะพิจารณาออกหมายจับภายหลังจากนี้ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวต้องเพิ่มเติมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องในสำนวน ที่หากพบก็จะมีการเรียกตัวมาแจ้งข้อหาแน่นอน