22 ธันวาคม 2565 จากกรณี "ทุนจีนสีเทา" โดยมี "ตู้ห่าว" เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ ขณะที่ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวเปิดข้อมูลการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปเป่านกหวีด ชูใบแดงไล่ออก "ผบช.น." ระบุมีพฤติกรรมช่วยเหลือคดี “ตู้ห่าว” จี้ ผบ.ตร. เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน เหตุทำคดีไม่คืบหน้าและไม่ยอมแจ้งข้อหาฟอกเงิน ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. นายชูวิทย์ เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี ตลิ่งชัน เพื่อนำหลักฐานเข้าให้ถ้อยคำกับคณะทำงานอัยการสูงสุด ในคดี "ตู้ห่าว" ตามที่คณะทำงานอัยการสูงสุดได้เรียกนายชูวิทย์ เข้ามาให้ข้อมูล
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนจะให้ข้อมูลและหลักฐานกับคณะทำงานอัยการสูงสุด จะเน้นไปที่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการตั้งข้อหาสมคบฟอกเงิน โดยได้นำเอกสารมาให้อัยการเห็นถึงเส้นทางการเงิน โดยยืนยันว่า ต้องรีบดำเนินคดีนายตู้ห่าวในข้อหานี้ เพราะหากยิ่งช้า ก็จะเป็นการปล่อยเวลาให้มีการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินได้
ถึงแม้ นายตู้ห่าว จะอยู่ในเรือนจำ แต่จากแผนผังเส้นทางการเงินที่ตนมี จะเห็นว่ามีนอมินีและบุคคลอีกมากในขบวนการนี้ ซึ่งเส้นทางการเงินที่ตนนำมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น
ส่วนอีกประเด็น คือ เรื่องอำนาจการสั่งคดี ซึ่งตนไม่ต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้สั่งคดี "ตู้ห่าว" เอง โดยประเด็นนี้ช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้โทรศัพท์มายืนยันกับตนแล้วว่า ผบ.ตร.จะเป็นผู้เซ็นสั่งคดี แทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเอง
นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ช่วงตีห้าที่ผ่านมา ได้รับข้อมูลมาว่า ขณะนี้กลุ่มคนจีนกำลังวางแผนหลบหนี ทั้งคนจีนที่ถูกกักอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และคนจีนที่ในวันเขาตรวจค้นผับจินหลิง ไม่ได้ถูกดำเนินคดีเพราะตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด
กลุ่มคนจีนเหล่านี้กำลังมีการเจรจากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า จะยอมจ่ายคนละ 5 ล้านบาท เพื่อให้ปล่อยตัวออกมาและจะเช่าเครื่องบินเหมาลำไปลงที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เนื่องจากไม่กล้ากลับประเทศจีนเพราะมีคดียาเสพติด
"ขอเตือนไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า ให้คิดให้ดีหากจะรับเงินจากคนจีน เพราะตนมีข้อมูลสำเนาพาสปอร์ตของคนจีนทุกคน" นายชูวิทย์ ระบุในตอนท้าย