จากกรณีคดีดัง “คดีนัตตี้โกงเทรดพันล้าน” หลังจากผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเอาผิดยูทูปเบอร์ชื่อดัง "นัตตี้" นัตตี้ นัทธมณ คงจักร์ หรือ นัตตี้ ลีอาห์ เจ้าของช่อง Nutty’s Diary ที่มีผู้ติดตามกว่า 8 แสนคน หลังถูกหลอกลงทุนผ่านทางแอปพลิเคชั่น รวมมูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท ที่ตอนนี้ทางผู้เสียหายมีการตั้งค่าหัวยูทูปเบอร์คนดังถึง 2 ล้านบาท (อ่านเพิ่มเติม)
โดยก่อนหน้านี้ นัตตี้ อ้างว่า ตัวเองใช้พอร์ตเดียว รวมเงินทั้งหมดเทรดในโบรกเดียว พอเกิดปัญหา ไม่สามารถถอน หรือเอาเงินในนั้นออกมาได้ ทุกอย่างเลยเดินมาถึงจุดนี้ ยืนยันว่าจะหาทางแก้ไขให้ได้ ไม่ได้หลบหนีไปตามข่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ทางตำรวจ ตม. ยืนยันว่า ในบันทึกการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ยังไม่พบชื่อของยูทูปเบอร์สาว ยื่นขอเดินทางออกนอกประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากมีการเดินทางออกนอกประเทศจริง เป็นไปได้ว่าอาจใช้ช่องทางทางธรรมชาติในการหลบหนี จึงไม่สามารถยืนยันกระแสข่าวที่ว่า "นัตตี้" ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียแล้วจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบธุรกิจของนัตตี้ พบว่า จดทะเบียนบริษัทเอาไว้ 1 แห่ง คือบริษัท คอสติน่า คอสเมติค จำกัด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 มีกรรมการบริษัท คือ สุชาตา คงษุภจักร์ (เปลี่ยนนามสกุล) และราเชน ตระกูลเวียง
โดยบริษัทตั้งอยู่ที่โครงการเดอะซิตี้ พัฒนาการ ประกอบกิจการผลิต ขายปลีก ขายส่งเครื่องสำอาง ดำเนินกิจการมาได้ 6 ปีแล้ว ส่วนผลประกอบการ 3 ปีหลังสุด ขาดทุนปีละ 2 แสนบาทเศษ เมื่อไปตรวจสอบในเพจของผลิตภัณฑ์ พบมีคุณนัตตี้ เป็นเจ้าของแบรนด์ ที่มาโฆษณาอาหารเสริมลดน้ำหนัก ซึ่งนัตตี้ เคยนำเสนอโรงงานแห่งนี้ผ่านช่อง Nutty’s Diary
ทั้งนี้สำหรับรายชื่อของผู้บริหารที่มีความน่าสนใจคือ ราเชน ตระกูลเวียง เป็นอดีตประธาน กปปส. นนทบุรี ต่อมาประกาศตัวเป็นหัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ชูนโยบาย “เงินทุนเจ้าบ้าน 36,000 บาท เพื่อเศรษฐกิจไทยทุกครัวเรือน โดยทุกคนที่เป็นเจ้าบ้านจะได้สิทธิ์กู้เงิน โดยที่ไม่ต้องค้ำประกัน
โดยราเชน ยอมรับว่า รู้จักกับนัตตี้จริง และเคยเจอกัน 2 ครั้ง โดย นัตตี้ ได้มาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องขายโรงงานให้ ส่วนตัวไม่เคยได้รับเงินจากนัตตี้ ตามที่ถูกพาดพิงถึงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ภายหลัง นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวเจาะ เนชั่นทีวี อย่างละเอียดว่า รู้จักกับ นัตตี้ นัทธมณ คงจักร์ เพราะมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภายในพรรคแนะนำรู้จักพร้อมกับผู้เสียหายของ นัตตี้ ส่วนตัวเคยเจอกับนัตตี้เพียง 2 ครั้ง เพราะนัดทำธุรกรรมเรื่องขายฝากโรงงานตามที่ปรากกฎเป็นข่าวที่ทำการพรรคทางเลือกใหม่
ซึ่งวันที่เจอกับ นัตตี้ ครั้งแรก นัตตี้ เล่าว่า ถูกธนาคารแห่งประเทศไทยอายัดบัญชีเงินจำนวน 600 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายที่เทรดหุ้นได้ เลยมาขอความช่วยเหลือ ถูกกลั่นแกล้งจากตำรวจ ทนาย ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี กว่า 100 คดี จึงอยากมีเงินเพื่อใช้คืนลูกหนี้ เลยมายื่นข้อเสนอเอาโรงงานมาขายฝาก 25 ล้าน
นายราเชนจึงตกลงรับจัดหาทีมทนายความทำคดีให้ และจะช่วยทำเรื่องขายฝากโรงงานให้กับกลุ่มนายทุนที่รู้จักกัน โดยนัตตี้ตกลงจะจ่ายเงินค่าดำเนินการให้กับนายราเชน จำนวน 5 ล้านบาทเมื่อช่วงต้นเดือน เมษายน 2565 จึงตกลงกันเงื่อนไขนี้
นายราเชน โชว์หลักฐานการพูดคุยกันผ่านไลน์ พร้อมเล่าว่า โรงงานที่นำมาทำเรื่องขายฝากเป็นโรงงานพร้อมที่ดิน จำนวน 1 ไร่ โดยบริษัทตั้งอยู่ที่โครงการเดอะซิตี้ พัฒนาการ ประกอบกิจการผลิต ขายปลีก ขายส่งเครื่องสำอาง มีตึกโรงงาน 200 ตารางวา ที่เหลือที่ดินเปล่า 200 ตารางวา
นายราเชนเลยนำเสนอกลุ่มนายทุนที่รู้จัก สรุปว่าทำเรื่องขายฝากได้ 15 ล้านบาท พอได้เงินมาก็โอนเงินใช้หนี้ให้กับนัตตี้ ตามที่นัตตี้แจ้งหมายเลขบัญชีมาทางไลน์ มีตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยนัตตี้อ้างว่า เป็นบัญชีของเจ้าหนี้ทั้งหมด และไม่เคยโอนเงินไปบัญชีนัตตี้แม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากที่อย่างที่ทำไปเพราะ มีเงื่อนไขสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ทุกขั้นตอน บอกจำนวนเงินที่เหลือทั้งหมด ยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยช่วยเหลือเปิดเส้นทางหนี
นายราเชน ยืนยันไม่ได้ค่านายหน้าขายฝาก แต่รับเงินเฉพาะที่ตกลงกันไว้เรื่องคดีและขายฝาก จำนวน 5 ล้าน แต่ได้รับจริงประมาณ 1 ล้านกว่าบาท และได้ถอนตัวออกมาไม่ให้ความช่วยเหลือนัตตี้มาตั้งแต่เมื่อเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา และที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทเพราะจะได้ดำเนินการธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกเลยคิดว่าวิธีการโอนหุ้นบริษัทเป็นวิธีที่ง่ายและเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการธุรกรรมต่าง ๆ ของบริษัทได้
ล่าสุดนายราเชนเตรียมฟ้องกลับในคดีหมิ่นประมาทสำหรับคนที่ออกมากล่าวหาตน ต้องการเป็นกระแสเพื่อโจมตีทำลายชื่อเสียง พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวพร้อมให้ความร่วมมือสังคมตรวจสอบ จึงขอความเป็นธรรม ว่าไม่ได้โกงเงินนัตตี้ และเตรียมจะฟ้องกลับ 1 ล้าน และนำเงินไปสมทบกับค่าหัวที่ช่วยตามหาตัวนัตตี้ กลับมาดำเนินคดีในไทยให้ได้
"ยืนยันได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เป็นวงเงินที่ตกลงกันไว้ 5 ล้านบาท ไม่เกี่ยวกับคดีเทรดหุ้น ไม่เคยโกงเงินนัตตี้เพราะ นัตตี้ให้โอนเงินที่ได้จากการขายฝากไปใช้หนี้เท่านั้น ส่วนเงินที่โอนไปจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ ไม่ทราบ และที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เพราะต้องการทำธุรกรรมทางบริษัทได้ง่าย สุดท้ายสัญญาขายฝากจะสิ้นสุดเดือน พ.ค. ปี 2566 โรงงานที่เป็นข่าวนี้ก็ต้องตกเป็นของผม เพราะทุกวันนี้ผมรับผิดชอบดอกเบี้ยเดือละเกือบ 3 แสนบาท ผมมีอำนาจ 100%"