ตามที่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (อธิบดีDSI) และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีDSI ที่กำกับดูแล มอบหมายให้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกมิติ กรณีพบการทุจริตนำเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 และได้ใช้อำนาจตามมาตรา 24 (5) พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษพ.ศ. 2547 ในการอายัดทรัพย์สินไว้แล้วรวม 189 รายการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
วันนี้ (20 ธ.ค.64) พ.ต.ต.ยุทธนา มอบหมายให้ นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงินทางอาญา 3 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 21/2564 แจ้งข้อกล่าวหากับ นายบุญส่ง หงษ์ทอง อดีตประธานที่ปรึกษา และผู้ก่อตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จํากัด กับพวก รวม 18 ราย ในความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงิน" และ/หรือ "ฟอกเงิน" ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 83 และความผิดฐาน "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการในทุกมิติภายใต้กรอบกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งให้ขยายผลเร่งรัดติดตามทรัพย์สิน กว่า 2,800 ล้านบาท ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเยียวยาและคืนทรัพย์สินให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ยังผลให้สามารถบริหารจัดการต่อไปได้ รวมทั้งสมาชิกสหกรณ์ฯ อีก 6,000 ราย สามารถได้รับค่าหุ้นคืน
โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างต่อเนื่อง และเด็ดขาด ต่อไป
คดีทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 2,800 บาท ตอนนี้DSI รับเป็นคดีพิเศษแล้ว พบว่ามีการนำเงินจำนวนนี้ถูกแปรสภาพไปหลายช่องทาง ซึ่งDSI จะร่วมกับปปง.เร่รงติดตามทวงทรัพย์คืนให้กับสหกรณ์ฯสโมสรรถไฟ
กองบังคับการตำรวจรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งมอบสำนวนการสืบสวนคดีการทุจริตเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ หลังพบขบวนการทุจริตและฟอกเงินซึ่งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 2,800 ล้านบาท
คดีนี้พบพิรุธในช่วงปี 2555 ถึงปี 2559 หลังมีความผิดปกติในการอนุมัติเงินกู้จำนวน 199 สัญญา ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้สมาชิก ทำการอนุมัติปล่อยเงินกู้กันเอง โดยสลับกันค้ำประกัน กู้ครั้งละ 15 ล้านบาท จนกลายเป็นความเสียหายมหาศาล ที่เกิดจากผู้ต้องหาจำนวน 9 คนร่วมกันกระทำผิด
จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าถูกนำเงินไปใช้ในการซื้อที่ดินและแปรเปลี่ยนเป็นอสังหาริมทรัพย์ในหลายจังหวัด รวมทั้งนำเงินไปลงทุนในธุรกิจรีสอร์ทหรู โครงการบ้านจัดสรร และเงินบางส่วนถูกแปรสภาพให้อยู่ในรูปของทองรูปพรรณ สินค้าแบรนด์เนม รถหรูจำนวนมาก แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
หลังจากนี้ดีเอสไอจะสืบสวนย้อนเส้นทางการทุจริต ขยายผลไปยังเครือข่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากการทุจริต ว่าเงินรั่วไหลออกไปที่ใดบ้าง โดยร่วมกับ ปปง. ยึดและอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืนให้กับผู้เสียหายและสหกรณ์ฯสโมสรรถไฟ