อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ เป็นโครงการเร่งด่วนในตอนนี้ นั่นก็คือ "โครงการบัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกโรคได้ทุกที่" เตรียมนำร่องระยะเริ่มต้นใน 4 เขตสุขภาพ 27 จังหวัด โดยทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า เตรียมเดินหน้านโยบายดิจิทัลสุขภาพ
นั่นก็คือ โครงการบัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกโรคได้ทุกที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2567 ระยะสั้น และเร่งด่วน (Quick Win)
เปิดเงื่อนไขในการเข้ารับบริการ
ประชาชนในสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค สามารถไปรับบริการในสถานพยาบาลได้ทุกที่ในทุกโรค ไม่เฉพาะ รพ.ตามสิทธิเท่านั้น โดยเบื้องต้นครอบคลุมเฉพาะ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุขก่อน เนื่องจากโรงพยาบาลใน 4 เขตสุขภาพมีการทำฐานข้อมูลผู้ป่วยในระบบดิจิทัลอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่นำของแต่ละ รพ.ในเขต นำข้อมูลขึ้นสู่คลาวด์ เมื่อผู้ป่วยไปรับบริการที่ รพ.สังกัดสาธารณสุขในเขตเดียวกัน แพทย์ที่ได้รับอนุญาตจะสามารถดูข้อมูลคนไข้ได้
เริ่มเปิดให้บริการได้เมื่อไร
เนื่องจากโรงพยาบาลทุกแห่งในเขตสุขภาพนำร่องข้างต้นมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากเชื่อมโยงข้อมูลได้หมดจะช่วยอำนวยสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้ารับการรักษาข้ามโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว โดยคาดว่า จะเริ่มให้บริการรูปแบบนี้ได้ภายใน 100 วันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชน
4 เขตสุขภาพ มีจำนวน 27 จังหวัด
เขตสุขภาพที่ 1 ครอบคลุม 8 จังหวัด
เขตสุขภาพที่ 4 ครอบคลุม 8 จังหวัด
เขตสุขภาพที่ 9 ครอบคลุม 4 จังหวัด
เขตสุขภาพที่ 12 ครอบคลุม 7 จังหวัด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทางด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และทีมผู้บริหารลงพื้นที่ศึกษา “ศูนย์ทันตกรรม” โรงพยาบาลหนองคาย จ.หนองคาย อีกหนึ่งหน่วยบริการที่มีการยกระดับรับ “30 บาทพลัส” ไม่เพียงแค่ศูนย์ทันตกรรม จะให้บริการสุขภาพทันตกรรมแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ในเขตสุขภาพที่ 8 ครอบคลุม 7 จังหวัดยังสามารถใช้เพียง “บัตรประชาชนใบเดียว” เข้ารักษาทันตกรรม และยังครอบคลุมโรคอื่นๆในรพ.รวมทั้งหมด 88 แห่ง โดย 7 จังหวัด คือ อุดรธานี สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ทำให้ประชาชนสิทธิบัตรทอง ถือบัตรประชาชนใบเดียว เดินทางข้ามจังหวัดในเขตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
นพ.โอภาส ให้สัมภาษณ์ถึงการพัฒนาด้านทันตกรรม ให้เป็นศูนย์ หรือเป็นรพ.ทันตกรรมเพิ่มขึ้น ว่า การเตรียมพร้อมยกระดับทันตกรรมนั้น ในปีถัดไปจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และท่านรัฐมนตรีชลน่าน ศรีแก้ว ที่จะให้มีการยกระดับการบริการประชาชน หรือ "30 บาทพลัส" ซึ่งชื่อนี้เรียกเป็นชื่อเล่นก่อน โดยทันตกรรมก็เป็นอีกงานหนึ่ง ที่เราจะยกระดับการให้บริการพี่น้องประชาชน และหากเราสามารถตั้ง รพ.ทันตกรรมอย่างน้อยในทุกจังหวัดได้ในปีหน้า ส่วนต่อไปเมื่องานขยายไปอย่างรวดเร็วกว้างขวางก็อาจจะพัฒนาเป็น “กรมทันตกรรม” เรื่องนี้ก็ต้องว่ากันในอนาคต
ด้าน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า การใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ สำหรับเขตสุขภาพที่ 8 นั้น ไม่ใช่แค่การบริการด้านทันตกรรมเท่านั้น แต่เรายังจัดระบบการบริการทุกกลุ่มโรค เพราะหน่วยบริการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) มีระบบเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว จึงได้จัดรูปแบบการบริการที่เรียกว่า “R8 Anywhere” ดำเนินการภายในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 ครอบคลุม 7 จังหวัด ทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ทำให้ประชาชนสิทธิบัตรทอง ใช้เพียง “บัตรประชาชนใบเดียว” สามารถรับการรักษาได้ทุกโรคในโรงพยาบาลสังกัด สป.สธ. 7 จังหวัด 88 แห่งตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) โรงพยาบาลชุมชน(รพช.) โรงพยาบาลทั่วไป(รพท.) และโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)
นพ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า เขตสุขภาพที่ 8 จึงเป็นเขตที่นำร่องในการดำเนินการตอบรับนโยบายยกระดับ 30 บาท ด้วยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซึ่งเราทำระบบข้อมูลของผู้ป่วยอัพโหลดไว้ในระบบคลาวด์ (Cloud) ข้อมูลจึงเชื่อมกันทั้งหมด จะทำให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันทั้ง 88 แห่ง เมื่อคนไข้ไปรับบริการที่รพ.ใดแพทย์ก็สามารถดูข้อมูลและประวัติการรักษาของคนไข้ในรพ.อื่นได้ เป็นการแก้ปัญหาการต้องไปเอาใบส่งตัว ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สะดวก เราทำเพื่อตอบโจทย์ประชาชน และอนาคตก็จะพัฒนาเชื่อมข้อมูลกับสถานพยาบาลสังกัดสธ.ที่อยู่ในกรมอื่นด้วย เช่น ศูนย์มะเร็ง หรือรพ.จิตเวช เป็นต้น
“ช่วงแรกเริ่มจากมะเร็ง ขยับมาเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ทันตกรรมและตอนนี้ใช้กับทุกโรค เพราะบางครั้งคนไข้ไปทำงานอยู่ที่อื่น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของรพ.ที่ระบุไว้ตามสิทธิ ซึ่งสิทธิ30บาทก็ควรจะเหมือนสิทธิข้าราชการที่ไปรักษาที่ไหนก้ได้ทั่วไทย เพียงแต่สิทธิข้าราชการข้อมูลยังไม่มีการเชื่อมกัน” ผู้ตรวจฯ เขตสุขภาพที่ 8 กล่าว
นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างการนำระบบไอทีมาใช้ ด้วยการพัฒนาระบบยืนยันตัวตัวของคนไข้เหมือนกับธนาคาร เพื่อจะได้นำข้อมูลการรักษาพยาบาลของแต่ละคนที่เข้ารับบริการในรพ.แต่ละแห่ง ส่งกลับมายังตัวคนไข้ทำให้รับทราบได้ว่าตนเองเคยเข้ารับบริการรักษาที่ไหน ได้รับยาอะไร เป็นการคืนข้อมูลกลับให้กับคนไข้
ศูนย์ทันตกรรม ยกระดับบริการผู้ป่วยรองรับ '30 บาทพลัส' รักษาทุกที่
ขณะที่ ทพญ.ชลลดา แดงสุวรรณ ทันตแพทยชำนาญการพิเศษ (เฉพาะทาง) ทันตกรรมประดิษฐ์ ในฐานะรองหัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรมศูนย์ทันตกรรม รพ.หนองคาย กล่าวว่า การยกระดับศูนย์ทันตกรรมเกิดขึ้นได้เพราะทาง รพ.หนองคาย มีความพร้อม เมื่อเปิดให้บริการก็ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ซึ่งปัญหาในการให้บริการขณะนี้ คือ คิวเฉพาะทางจะยาว เพราะทันตแพทย์เฉพาะทางยังมีจำนวนน้อย เช่น การครองรากฟัน ที่มีทันตแพทย์ 1 ท่าน ประกอบกับคนไข้มีความรู้ความเข้าใจในการเก็บฟันไว้มากขึ้น ไม่ตัดสินใจถอนแต่จะทำการครองรากฟันไว้ ทำให้มีคิวยาวขึ้น แต่ขณะนี้มีการคุยกันภายในระบบ รพ. เพื่อพัฒนาเขตสุขภาพที่ 8 ให้สามารถรองรับคิวผู้ป่วยครองรากฟัน โดยให้จองคิวจากส่วนกลาง รพ.ไหนคิวเร็วกว่าก็สามารถไป รพ.นั้นได้เลย
“การยกระดับศูนย์ทันตกรรม เป็นการตอบโจทย์นโยบายเรื่องยกระดับบัตรทอง กับการรักษาที่ไหนก็ได้ โดยผู้ป่วยสามารถเดินเข้ามารักษาด้วยการใช้บัตรประชาชนใบเดียว ได้ทุกสิทธิ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการ ซึ่งผู้ป่วยยังสามารถจองคิวออนไลน์ได้ด้วย” ทพญ.ชลลดา กล่าวทิ้งท้าย
“ภายใต้นโยบายนี้ประชาชนในสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค จะสามารถไปรับบริการในสถานพยาบาลได้ทุกที่ในทุกโรค ไม่เฉพาะ รพ.ตามสิทธิเท่านั้น เบื้องต้นจะครอบคลุมเฉพาะ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุขก่อน เนื่องจาก รพ.ใน 4 เขตสุขภาพดังกล่าว มีการทำฐานข้อมูลผู้ป่วยในระบบดิจิทัลอยู่แล้ว เหลือเพียงการนำของแต่ละ รพ.ในเขตนำข้อมูลขึ้นสู่คลาวด์ จากนั้นเมื่อผู้ป่วยไปรับบริการที่ รพ.สังกัด สธ.ในเขตเดียวกัน แพทย์ที่ได้รับอนุญาตก็จะสามารถดูข้อมูลคนไข้ได้ คาดว่าจะเริ่มให้บริการรูปแบบนี้ได้ภายใน 100 วัน ตั้งใจให้เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า
ส่วนการเชื่อมประสานรูปแบบนี้ไปยังสถานพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น ในอนาคตเมื่อมีคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเลขานุการ ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ดูนโยบายระบบสุขภาพของประเทศที่บูรณาการทุกหน่วยงาน ก็จะพิจารณาดำเนินการในส่วนเชื่อมต่ออื่นๆ