3 เม.ย. 65 เป็นที่จับตามองกันมาต่อเนื่อง เกี่ยวกับเส้นทางการเมืองของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะย้ายสังกัดจากพรรคพลังประชารัฐร่วมกับพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวทางโลกออนไลน์ว่านายพีระพันธุ์ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า ตามที่มีข่าวในสื่อออนไลน์แห่งหนึ่งระบุว่า ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วนั้นยังไม่เป็นความจริง
ก่อนหน้านี้ สาเหตุที่นายพีระพันธุ์ มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพราะได้รับปากกับผู้ใหญ่ในพรรคว่าจะมาช่วยทำโครงสร้างพรรคให้ และขณะนี้การจัดทำโครงสร้างพรรคได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือว่างานของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ผมจึงได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ว่าจะขอลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยจะไปยื่นใบลาออกในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.65) ซึ่งเป็นวันทำการปกติ โดยจะให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นใบลาออกทั้งที่ทำการพรรคและที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)" นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่ที่ไหน อย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่ทิ้งบ้านเมือง ไม่ทิ้งประเทศชาติและไม่ทิ้งประชาชนแน่นอน
ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปติดตามเส้นทางของนายพีระพันธุ์ ในการเข้ามาร่วมสังกัดพรรคพลังประชารัฐ นายพีระพันธุ์ เคยโพสต์ข้อความไว้ชี้แจงความจริงไว้เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 64 ในหัวข้อ "ไปกันใหญ่"
นายพีระพันธุ์ ระบุไว้ดังนี้
ผมไม่เคยคาดคิดว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ของผม จะถูกนำไปวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ตีความ โยงกันจนวุ่นวายสับสนเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหน ผมเองยังไม่เคยรู้เรื่องเลย ผมให้สัมภาษณ์ปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ยังวิเคราะห์วิจารณ์กันอยู่แบบเดิมอีก
เพื่อความชัดเจนและเป็นคำพูดของผมเอง โดยไม่ต้องไปอ้างแหล่งข่าวลึกลับซับซ้อนซึ่งหาตัวตนไม่ได้ ผมขอยืนยันข้อเท็จจริงของการเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ของผมดังนี้ครับ
1. ผมไม่มีเงื่อนไขและไม่มีการเสนอเงื่อนไขใดๆ ให้ผมในการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค พปชร. เป็นการสมัครเป็นสมาชิกธรรมดาๆ ไม่มีอะไรลึกลับซ่อนเงื่อน
2. ผมได้พูดคุยกับท่าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.มานานมากตั้งแต่ปี 2563 เกี่ยวกับความตั้งใจของท่านที่จะสร้างพรรค พปชร. ให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งเป็นหลักให้บ้านเมืองต่อไป ซึ่งท่านไม่เคยเปลี่ยนความคิดมีแต่ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ ทำให้ผมอยากช่วยท่านในเรื่องนี้ แต่ติดขัดเรื่องงานต่างๆ ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จตามเวลา จึงเรียนท่านว่าเมื่องานเบาลงจะมาช่วยท่าน
3. ประมาณเดือนเมษายน 2564 งานต่างๆ พอจะเบาลง จึงเรียนให้ท่านหัวหน้าฯ ทราบ แล้วกรอกใบสมัครโดยท่านหัวหน้าฯ เป็นผู้ลงนามรับรองผมด้วยตัวท่านเอง แต่ปรากฏว่าเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ที่ทำการพรรคปิดไม่มีกำหนด สมัครไม่ได้ และการประชุมใหญ่พรรคในเดือนเมษายน 2564 ก็ถูกยกเลิกไป
4. กลางเดือนกันยายน 2564 ผมมีโอกาสพูดคุยกับท่านหัวหน้าฯ ซึ่งท่านก็ยังมีความมุ่งมั่นจะสร้างพรรค พปชร. ให้เป็นสถาบันและเป็นหลักของบ้านเมืองให้ได้ และอยากให้ผมมาช่วยทำงานเช่นเดิม ผมจึงให้เจ้าหน้าที่ของผมสอบถามไปทางที่ทำการพรรคทราบว่าเจ้าหน้าที่พรรคจะมาทำงานเป็นช่วงเวลาหรือตามที่นัดหมายเท่านั้น
5. เจ้าหน้าที่ของผมได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่พรรคว่าประมาณต้นเดือนตุลาคม 2564 จะนำใบสมัครของผมไปยื่นให้
6. เมื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยโดยใช้ใบสมัครที่เตรียมไว้เดิมตั้งแต่เดือนเมษายนที่ท่านหัวหน้าฯ ลงนามรับรองให้แล้ว ท่านหัวหน้าฯ ก็แต่งตั้งผมเป็น “ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค” เพื่อมาช่วยท่านทำงาน ซึ่งเป็นดุลยพินิจและเป็นอำนาจของท่านเองทั้งสิ้นก็เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองอย่างที่วิเคราะห์วิจารณ์กันในขณะนี้เลยครับ
วันเดียวกันนี้ (4 เม.ย.65 ) ที่เทอร์มินอลฮอลล์ เทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา มีการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ ประจำปีครั้งที่ 1/2565 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. เป็นประธาน
โดยมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ 4 คน ได้แก่ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เป็นที่สังเกตถึงการแต่งตั้งกกบห.ครั้งนี้ ถือว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในสายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณให้ความไว้วางใจ ไม่ว่าเป็น พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และเป็นอดีตฝ่ายเสนาธิการ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเคยถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีบทบาทเบื้องหลังในทางการเมืองพื้นที่ภาคอีสาน ช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังเป็น นายสันติ พร้อมพัฒน์ เช่นเดียวกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่รักษาการรองหัวหน้าพรรค ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นรองหัวหน้าพรรค
นายสุชาติ ชมกลิ่น รักษาการผู้อำนวยการพรรค ได้รับเลือกตั้งให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค
นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการนายทะเบียนพรรค ก็จะได้รับเลือกให้เป็นนายทะเบียนพรรค