5 กุมภาพันธ์ 2565 นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากกรณี พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ถูกบิ๊กไบค์ชนขณะเดินข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต สสส. จึงร่วมกับ มูลนิธิไทยโรดส์ (ThaiRoads Foundation) สำรวจพฤติกรรมการหยุดรถบริเวณทางข้ามม้าลายในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 12 จุด ได้แก่
โดยทั้ง 12 จุดทางข้ามม้าลายมีลักษณะคล้ายกับจุดที่หมอกระต่ายถูกรถชนคือ เป็นถนน 4-6 ช่องจราจรแบบไปกลับ อยู่ห่างจากแยกสัญญาณไฟจราจร มีเครื่องหมายทางม้าลาย ป้ายเตือน และไม่มีสัญญาณไฟจราจรกดปุ่มสำหรับคนเดินข้าม
จากการสำรวจพฤติกรรมการหยุดรถบริเวณทางข้ามม้าลาย 12 จุดระหว่างวันที่ 25-27 มกราคม 2565 แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 6,449 คัน รถยนต์ 7,619 คัน และรถโดยสาร 285 คัน รวม 14,353 คัน พบว่า..
“นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า ทางม้าลายบริเวณ สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จุดที่ หมอกระต่าย ถูกชนขณะเดินข้ามมีรถไม่หยุดให้คนข้ามมากถึง 94% ทั้งที่เกิดเหตุ หมอกระต่าย ถูกชนบริเวณดังกล่าวได้เพียงไม่นาน จึงควรมีระบบสร้างความปลอดภัยบนทางม้าลาย ควบคู่กับการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้น ”
นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวต่อว่า สสส. และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ขอฝากให้ทุกคนทุกฝ่ายตระหนักถึงเรื่องปัญหาอุบัติเหตุและร่วมกันทำให้เกิดความปลอดภัยทางถนนในบ้านเราให้ได้ การทำงานสร้างความปลอดภัยทางถนน เป็นงานบูรณาการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชน มีการบริหารจัดการโครงสร้างกลไกระบบต่างๆให้มีความเข้มแข็งและ บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
สำคัญอย่างยิ่ง คือ การปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย เช่น ไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ สวมหมวกนิรภัย-คาดเข็มขัดนิรภัย โดยปลูกฝังการให้ความรู้สร้างวินัยจราจรตั้งแต่วัยเด็ก กรณีอุบัติเหตุคุณหมอกระต่าย เป็นบทเรียนสำคัญที่ผู้ขับขี่รถควรระวัง
ที่สำคัญต้องชะลอความเร็วรถ เมื่อถึงบริเวณทางข้ามม้าลายที่มีคนข้ามถนน ให้ทางม้าลายเป็นทางข้ามที่ปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้าที่ใช้ถนนร่วมกัน และคนข้ามมีสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัย และคนข้ามถนนบนทางม้าลายก็ต้องคอยระมัดระวังดูให้แน่ใจแล้วจึงข้าม เพื่อลดความสูญเสียและลดอุบัติเหตุบนทางเท้าไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต