อธิบดีDSIสั่งตรวจสอบบิ๊กขรก.โผล่รับโอนโฉนดเกาะนุ้ยนอก

เกาะนุ้ยนอก พื้นที่หมู่ 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ห่างจากฝั่ง 3 กิโลเมตร โดยตัวแทนกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านเจ๊หลี นำสำรวจหลังทราบว่ามีการออกโฉนดที่ดินครอบครองทั้งเกาะ เนื้อที่กว่า 5 ไร่

จากการตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินจ.กระบี่ พบว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2564 ลงนามโดยผู้อำนวยการศูนย์ เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ก่อนเกษียณอายุราชการ เพียง 2 วัน

 

โฉนดแปลงดังกล่าว มีนายสุมิตร หาญทะเล นำเอกสาร สค.1 ไปยื่นขอ ต่อมาในวันที่ 18 ต.ค.64 ซึ่งห่างกันเพียง 20 วัน มีการมอบอำนาจให้ข้าราชการระดับสูงในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนมีการประกาศขายในราคาไร่ละ 20 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท

ขณะที่การสอบสวนข้าราชการในสังกัด DSI ที่รับโอนโฉนดที่ดินผืนนี้ ยังต้องรอความชัดเจนจากอธิบดี DSI

 

ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกเอกสารสารข่าวชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อกรณีกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านเจ๊ะหลี อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ พร้อมด้วยโฆษกคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบกระบวนการออกโฉนดที่ดินบนเกาะนุ้ยนอก ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ หลังพบพิรุธในการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวหลายประการ

 

โดยผลการตรวจสอบพบว่าโฉนดที่ดินดังกล่าว มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ครอบคลุมที่ดินเกาะนุ้ยนอก ทั้งเกาะ โดยผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ได้ออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ก.ย.64 ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการเพียง 2 วัน

 

และต่อมามีการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวต่อให้กับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายหนึ่ง โดยตั้งข้อสงสัยว่า ส.ค.1 ที่ใช้เป็นหลักฐานการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวน่าจะมาจากที่ดินบริเวณอื่น และยังพบว่ามีการออกโฉนดที่ดินบนพื้นที่เกาะอื่นของจังหวัดกระบี่ ทำนองเดียวกันอีกหลายเกาะ โดยอยู่ระหว่างเตรียมหลักฐานเพื่อส่งมอบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนว่า การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องสำคัญและเป็นนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง

 

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้สั่งการให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานขอข้อมูลจากคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร มาพิจารณาทันที และมอบหมายให้กลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคลประมวลเรื่องเสนอ เพื่อสั่งการให้สืบสวนข้อเท็จจริงอีกทางหนี่งด้วย

 

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติงานที่โปร่งใส เป็นธรรม หากกรณีดังกล่าวพบว่าเป็นความผิดและมีเจ้าหน้าที่ เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับเรื่องนี้ กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านเจ๊หลี ตรวจสอบที่ดินบนเกาะนุ้ยนอก หลังพบที่ดินบนเกาะเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทุนบางกลุ่ม ด้วยการมีการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน 

 

ชาวบ้าน บอกว่า เกาะนุ้ยเป็นเกาะธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ และไม่มีหลักฐานครอบครองที่ดินบนเกาะมาก่อน ในอดีตบรรพบุรุษซึ่งเป็นชาวประมง เคยใช้พื้นที่เกาะแห่งนี้ เป็นที่พักชั่วคราว และหลบคลื่นลมช่วงฤดูมรสุม ปัจจุบันพบมีกลุ่มทุนเป็นผู้ครอบครองพื้นที่เกาะ หลังมีออกโฉนดที่ดินบนเกาะคลอบคลุมจำนวน 5 ไร่ และกำลังถูกประกาศขายไร่ละ 20 ล้านบาท หากซื้อทั้งเกาะรวมมูลค่า 100 ล้านบาท

 

ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า เกาะดังกล่าวที่ถูกออกโฉนดเริ่มจากหลังรัฐบาลมีนโยบายเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเมื่อปี 2563 จากนั้นไม่นานที่ดินบนเกาะนุ้ยนอก ถูกออกโฉนดไปแล้ว โดยไม่มีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ลงนามรับรอง และพบการออกโฉนดดังกล่าวมาจาก ส.ค.1 และไม่ได้ผ่านสำนักงานที่ดินอำเภอเกาะลันตา แต่ออกโดยศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่

 

ขณะที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบมาที่ไปของพื้นที่ แต่เดิมเป็นเกาะธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยทำกินมาก่อน และไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวเขตรับผิดชอบของทั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และกรมป่าไม้ จึงต้องรอคำสั่งจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าให้ดำเนินการอย่างไร

ด้านนักกฎหมายที่ชำนาญคดีป่าไม้ ให้ข้อมูลว่า กรณีการออกเอกสารสิทธิครอบครองพื้นที่เกาะนุ้ยนอก ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43