16 กันยายน 2564 "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ"น้อง" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนี้การที่จะสมานฉันท์ค่อนข้างยาก เพราะแต่ละฝ่ายนั้นมีความคิดแตกต่างกัน การที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าไปบริหารพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเสถียรภาพพลังประชารัฐ คือ เสถียรภาพรัฐบาลนั้น ดูจะไม่ราบรื่น ตอนนี้มันกำลังเกิดภาวะ “2 นครา พปชร.”
เป็น “2 นครา” ที่ไม่ใช่ 2 นครา ประชาธิปไตย ที่คนฐานล่างชนบทเป็นคนเลือกส.ส. และคนในเมืองที่ไปใช้สิทธิ์น้อย ล้มรัฐบาล นี่เป็นทฤษฎีของอาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์
“2 นครา พปชร.” คนหนึ่งมองไปอีกแบบ และสองคนกำลังเจอปัญหา ในเรื่องความสัมพันธ์และวิธีคิด
มาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองเรื่อง "ลุงป้อม" เป็นอีกขั้วของนครา ที่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะชี้ชะตาพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนี้ของลุงป้อม ดูเหมือนวิบากกรรมเก่า ๆ จะย้อนกลับมาเจออีกครั้งในวันนี้
เป็นวิบากกรรมว่าด้วยเรื่องของมรสุม “นาฬิกา” เป็นมรสุมของพลเอกประวิตร ในแง่ของอำนาจทางการเมืองเรื่องราวของนาฬิกา ที่ พลเอกประวิตร ครอบครองจากการยืมเพื่อนมาใส่คิดว่าจบหรือยัง?
เรื่องยังไม่จบเพราะว่ามีคนไปร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลยื่นต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลาง ก็สั่งมาแล้วว่าให้ ป.ป.ช. เปิดเผยในสองเรื่อง สื่อสำนักหนึ่ง The Matter ยื่นร้องโดยอาศัย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่กำหนดให้หน่วยงานราชการจะต้องเปิดเผย ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน ศาลตัดสินให้เปิดเผย
ต่อไปนี้จะเป็นบรรทัดฐานของ ป.ป.ช. คุณจะปกปิดข้อมูลให้คนไม่ได้เพราะศาลสั่ง
1.เปิดเผยรายงานข้อเท็จจริงที่ป.ป.ช.สรุป
2.รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในคดีนี้
3. คำชี้แจงของพลเอกประวิตรที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. 4 ครั้ง
มรสุมที่รุมเร้าพลเอกประวิตร ยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพผู้ใด เพราะก่อนหน้านี้ป.ป.ช. ชี้ว่าไม่ต้องรายงานบัญชีทรัพย์สิน เนื่องจากนาฬิกาที่ยืมมาไม่ได้เปลี่ยนรูป ไม่ใช่เงินตรา เงินตราเปลี่ยนรูปได้
หน่วยงานอิสระที่เป็นหน่วยงานของรัฐกำลังงัดข้อกับศาล มันจะเป็นเรื่องสำคัญเมื่อคุณบอกว่าข้อมูลที่อันอาจจะกระทบหรือให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมประสิทธิภาพจะเปิดเผยไม่ได้ ?
ดุลยพินิจสำคัญ และป.ป.ช.ยังบอกอีกว่า หรือถ้าเป็นข้อมูลที่เปิดเผยไปแล้วกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล กฎหมาย ป.ป.ช. ก็ไม่ให้เปิดเผย
หมายความตามนี้ไม่ได้อยู่ที่ ป.ป.ช. จะประวิงเวลา จะถ่วง จะยื้อ แต่ผลของคดีนี้ ไม่ได้อยู่ที่ ป.ป.ช. เป็นเพียงหนังหน้าไฟ ให้จับตาดูพลเอก อ. พลเอก ว. จะเป็นหนึ่งในเป้าหมายหรือไม่
เป้าหมายจะพุ่งไปที่ ป.ป.ช. จะส่งผลกระทบต่อพลเอกประวิตร แน่นอนแน่นอน
ทำไมถึงต้องบอกว่า “2 นครา พปชร.” เพราะปัญหาใหญ่ในขณะนี้ คือ แนวคิดวิธีการจัดการเพื่อสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ระหว่างพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร น้องรอง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และน้องเล็ก พล.อ.ประยุทธ์ มองต่างมุมกัน
ดูเหมือนว่าแนวทางการเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐ หรือแนวทางของเกมแห่งอำนาจนั้น “คิดกันคนละทาง”
หลังจากนี้คงอยู่กันลำบาก เมื่อคิดกันคนละทาง ดาวที่สร้างก็ต้องคนละดวง
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมพรรคพลังประชารัฐ ในคำสั่งและคำพูดที่เป็นนัยยะบางประการ ในการประชุมพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งหัวโต๊ะและดำเนินการพูดคุยทำความเข้าใจกับส.ส. และมีการดำเนินการ 7 เรื่อง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในการประชุมพรรค เมื่อมีมติแบบนี้ก็เท่ากับว่า พี่ กับน้อง มองดาวกันคนละดวง เดินกันคนละทาง จุดแข็งจุดอ่อน ต่างก็มี
ดีลลับ นอกพรรค มันคืออะไร ? ใครที่ติดตามโทนี่ work from Dubai เราจะเห็นร่องรอยบางประการโทนี่ บอกว่า ดีล 2,000 ล้าน ไม่จริง แต่ถ้าถามว่ามีดีลหรือเปล่า โทนี่ ไม่ได้ตอบว่ามีจริงไหม
เขาพูดกันในวงการเมืองและทหาร และในวงธุรกิจบอกว่ามีดีลลับ เกิดขึ้น จากแมวและจากนักการเมืองไปสู่แมว
ตอนนี้ 2 นครา ทำบนพื้นฐานคือ คานเดียวกัน นั่นคือกำลังของส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 119 ที่นั่ง ฟรีแลนซ์ตัวกลางอยู่ประมาณ 50 คน
เดิมที 50 ที่แน่นอยู่กับลุงป้อม แต่หนุนลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี พอเกิดปัญหาวิกฤติในสภาตอนนี้ 50 ที่ตอนนี้เหวี่ยงเป็นลูกตุ้ม เพราะผันแปรสลับสนุนลุงตู่
2 นครา สร้างบ้านแปลงเมือง บนขื่อแปลงเดียวกัน คือพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าในสถานการณ์ตอนนี้ที่จะทำให้เกิดการแตกกัน จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกันหมด แนวทางเดิมว่าจะยุบพรรค ผ่านส่งตัวแทน คงเป็นหมัน
แนวทางตอนนี้คือให้กรรมการบริหารพรรคจำนวน 14 ท่านลาออก
นคราไหนเข้มแข็งที่สุด การดูแลที่ไหนดีที่สุด ลูกตุ้มมันจะผันแปรไปตามนั้น บ้านหลังนี้เนื่องจากคือแปลงเดียวกันคงไม่ล้มทั้งกระดาน หลังจากนี้ไปต้องรอดูว่าลุงตู่ บิ๊กป๊อก จะจัดการอย่างไรกับการเมืองเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นตัวสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในขณะที่ พี่ใหญ่ กางปีกโอบอ้อมและบอกว่า “เรื่องของนักการเมืองในพรรค ข้ารับผิดชอบ”