มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของอินเดียในไตรมาสแรกของปีงบประมาณที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือน เม.ย. ขยายตัว 20.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่จีดีพีลดลง 24% สถานการณ์ขณะนี้ฟื้นตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเศรษฐกิจเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งแรกช่วงกลางปีทีแล้ว ที่ปิดธุรกิจเกือบทั้งหมดและห้ามการเดินทางนานหลายเดือน ทำให้ประเทศสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ชี้ว่า การลงทุนของภาคเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นรูปตัว "V" และการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการก่อสร้างก็มีส่วนช่วยให้การเติบโตเพิ่มสูงขึ้น
แต่เนื่องจากจีดีพีของไตรมาสสองนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางคาดไว้ที่ 21.4% เพียงเล็กน้อย ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางอินเดียจะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้
ในขณะที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะให้ความสำคัญกับการทุ่มงบมหาศาลกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ แต่นายกรัฐมนตรีนเรทรา โมดีของอินเดีย มุ่งสนับสนุนการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และปฏิรูปภาษีเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่า เศรษฐกิจอินเดียจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้บางภาคธุรกิจอาจยังไม่เห็นการฟื้นตัวก็ตาม รวมทั้งเตือนว่า ความเสี่ยงของการระบาดระลอก 3 และโครงการฉีดวัคซีนป้องกันล่าช้าอาจขัดขวางการฟื้นตัวได้
อินเดียเป็นชาติแรกที่เผชิญกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นช่วงปลายปี 2563 ชะลอตัวลง แต่การระบาดช่วงฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเท่าระลอกแรก เพราะไม่ได้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยแต่ละเมืองและรัฐออกมาตรการจำกัดในพื้นที่ของตัวเอง ในขณะที่ช่วงการระบาดสูงสุด มียอดผู้ป่วยรายใหม่สูงกว่า 4 แสนคนต่อวันและผู้เสียชีวิตหลายพันคนต่อวัน
ขณะที่สถานการณ์ระบาดล่าสุด มีผู้ติดเชื้อเชื้อรายใหม่ 41,965 คนในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 460 คน ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสม 32.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตสะสมราว 439,000 คน