พล.อ.เคนเน็ธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดภารกิจทางทหารที่ดำเนินมานาน 20 ปี ซึ่งเป็นภารกิจสงครามในต่างแดนของสหรัฐที่ดำเนินมายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
ในการแถลงเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ตามเวลาประเทศไทย มีการระบุว่า เที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายของสหรัฐฯ ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล เมื่อเวลา 15:29 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐหรือ 1 นาทีก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 สิงหาคมตามเวลากรุงคาบูล ซึ่งเป็นเส้นตายที่สหรัฐกำหนดเอง ตามที่ตกลงกับกลุ่มตาลีบันสำหรับการถอนทหาร
ทหารนายสุดท้ายที่ออกมาจากกรุงคาบูลก็คือพลตรี คริส โดนาฮิว ผู้บัญชาการกองพลส่งทางอากาศที่ 82
ก่อนหน้านั้น ในวันจันทร์ กลุ่มไอเอสได้ยิงจรวดจำนวนหนึ่งเข้ามาที่สนามบินนานาชาติกรุงคาบูลที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บ และทั้งวัน เครื่องบินขนส่งทางทหาร ก็ยังบินขึ้นลงอย่างคึกคัก แม้จะถูกโจมตีก็ตาม
แมคเคนซี บอกว่า “การถอนทหารในคืนนี้หมายถึงการสิ้นสุดของการอพยพทางทหาร และยังเป็นการสิ้นสุดภารกิจเกือบ 20 ปีที่เริ่มขึ้นในอัฟกานิสถานหลังวันที่ 11 กันยายน 2544 ได้ไม่นาน”
ในสงครามครั้งนี้ มีทหารและพลเรือนสหรัฐฯ รวม 2,461 รายเสียชีวิตในอัฟกานิสถาน และบาดเจ็บมากกว่า 20,000 คนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งก็รวมถึงทหาร 13 นายของสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตในการโจมตีของกลุ่ม IS-K ที่สนามบินคาบูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม หนึ่งวันก่อนที่กลุ่มตาลีบันจะเข้ายึดกรุงคาบูล สหรัฐฯ เริ่มการอพยพพลเรือนมากกว่า 79,000 คนออกจากสนามบิน รวมถึงชาวอเมริกัน 6,000 คน และพลเมืองของประเทศที่ 3 และชาวอัฟกันอีกกว่า 73,503 คน โดยชาวอัฟกันที่ทำงานกับกองกำลังสหรัฐ และมีสิทธิ์ได้รับวีซ่าผู้อพยพพิเศษ ก็รวมอยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วย
โดยรวมแล้ว เครื่องบินของสหรัฐและพันธมิตรได้อพยพพลเรือนมากกว่า 123,000 คน โดยเฉลี่ยแล้วมีพลเรือนมากกว่า 7,500 คนต่อวันถูกอพยพออกมา
ภารกิจการอพยพรวมทั้งสิ้นคือ 18 วัน โดยเป็นการอพยพเต็มวัน 16 วัน และมีการอพยพออกมามากกว่า 19,000 คนในวันหนึ่ง
ด้านทำเนียบขาวบอกว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ได้อพยพผู้คนราว 1,200 คนด้วยเที่ยวบิน C-17 จำนวน 26 เที่ยวบิน ขณะที่เที่ยวบินพันธมิตร 2 เที่ยวบิน บินออกมาพร้อมกับอีก 50 คน
เมื่อวันอาทิตย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ที่ลงนามโดยประมาณ 100 ประเทศ รวมทั้ง NATO และสหภาพยุโรป ว่าพวกเขาได้รับการ “การประกัน” จากกลุ่มตาลีบันว่าผู้ที่มีเอกสารการเดินทาง จะยังคงสามารถเดินทางออกได้หลังจากการอพยพสิ้นสุดลง
เมื่อภารกิจการอพยพเริ่มต้นขึ้น แมคเคนซีบอกว่าพวกเขาทำงานบน "สมมติฐานที่ว่ากองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถานจะเป็นพันธมิตรด้านความปลอดภัยที่เต็มใจ และมีความสามารถ สามารถปกป้องเมืองหลวงได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์" อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อตาลีบันเข้ายึดครองเมืองหลวงได้ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง
ในช่วง 20 ปีที่สหรัฐฯ เข้ามาในอัฟกานิสถาน มีการส่งทหารสหรัฐเข้ามาประจำการมากกว่า 800,000 นาย และพลเรือน 25,000 คน
การออกไปของกองกำลังสหรัฐ มีขึ้นพร้อมกับการกลับมาครองอำนาจของกลุ่มตาลีบันที่ถูกสหรัฐส่งทหารเข้ามาขับไล่ออกจากอำนาจเมื่อ 20 ปีก่อน ขณะที่ชาวอัฟกันจำนวนมาก ก็ต้องกลับมาหวาดกลัวพวกตาลีบัน ปัญหาการขาดเสถียรภาพก็ยังคงกลับมา เช่นเดียวกับรายงานการสังหารและการทารุณกรรมอื่น ๆ เป็นระยะๆ ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของตาลีบัน แม้ว่าพวกเขาจะให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูสันติภาพและ
ความมั่นคงก็ตาม