30 สิงหาคม 2564 ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ หอการค้าจังหวัดภูเก็ต, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้, สมาคมที่พักบูติกภูเก็ต, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมผู้ประกอบการรถ 30 เป็นต้น ประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา เพื่อให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ภายหลังเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ประธานกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกซ์
ทั้งนี้ได้มีการรายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่า นับตั้งแต่เปิดโครงการวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้ว 25,866 คน ในจำนวนดังพบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 80 คน ส่วนใหญ่พบในการตรวจสวอปครั้งแรก โดย 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้ามามากที่สุด ยกเว้นประเทศไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, UK, อิสราเอส, เยอรมัน และฝรั่งเศส จุดหมายปลายทางหลังพำนักครบ 14 วันในภูเก็ต ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สุราษฎร์ธานี, เชียงใหม่, ประจวบคีรีขันธ์ และกระบี่ จากจำนวนห้องพักที่เปิดให้บริการ 30,000 ห้อง จาก 370 โรงแรม มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 8.64% หรือ ประมาณ 11 คืน มีค่าใช้จ่ายต่อทริป 62,000 บาท (เฉลี่ย 5,600 บาท/คน/วัน) สร้างรายได้ทางตรงประมาณ 1,553.64 ล้านบาท โดยมีรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 3,682 ล้านบาท ทั้งนี้มียอดจองระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 จำนวน 450,806 รูทไนท์ แบ่งเป็นเดือนกรกฎาคม 190,843 รูมไนท์, สิงหาคม 176,365 รูมไนท์ และ กันยายน 83,598 รูมไนท์ โดยส่วนใหญ่จะจองล่วงหน้าประมาณ 17 วัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ได้มีการนำเสนอแผนที่จะเดินหน้าต่อจากนี้ โดยมีเป้าหมายไปสู่ Phuket Freedom Day ในวันที่ 1 มกราคม 2565 โดยได้นำเสนอปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขเพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว เพราะต่างมองว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ถือเป็นความหวังของผู้ประกอบการและคนภูเก็ต โดยที่ผ่านมาเราได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 เข็มจำนวน 92% ของประชากร 400,000 ว่าคน และขีด 2 เข็มไปแล้วกว่า 77 % ของประชากร 350,000 คน และพบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่แสดงอาการกว่า 85% และสามารถลดการป่วยการเสียชีวิตได้จริง
แต่จากการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาหลายอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนชะลอการเดินทาง จึงต้องการให้ทางคณะกรรมาธิการฯ ผลักดันในเรื่องของการลดขั้นตอนของ EOC, ลดจำนวนครั้งของการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของนักท่องเที่ยวจากเดิม 3 ครั้ง เหลือเพียง 2 ครั้ง เพราะจากสถิติพบว่า จะตรวจพบเชื้อในครั้งแรกของการสวอป รวมถึงเรื่องของราคา และหากตามเป้าหมายที่กำหนดให้มีนักท่องเที่ยววันละประมาณ 8,000 คน ในเดือนตุลาคมนี้ จะต้องเพิ่มขึ้นความสามารถในการตรวจคัดกรอง, การปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เหมาะสม, การเปิดให้มีเที่ยวบินภายในประเทศ และการสามารถต่อเครื่องได้สำหรับนักท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ นอกจากบินตรงเข้าภูเก็ต, เพิ่มจำนวนประเทศที่จะให้เดนทางเข้ามาภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด, การปรับหลักเกณฑ์สีความเสี่ยงของพื้นที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวได้
ขอให้เร่งแก้กฎระเบียบในส่วนของการขออนุญาตโรงแรมแต่ละประเภท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้มีโรงแรมขนาดเล็กที่ประสบปัญหาไม่สามารถเข้าร่วมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ โดยขอให้ผ่อนปรนการบังคับใช้หลักเกณฑ์ออกไปประมาณ 3 ปี เพื่อจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง, ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และการเปิดเส้นทางวันเดย์ทริป, การปรับหลักเกณฑ์เข้าจังหวัดภูเก็ตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางวันเดย์ทริปแบบ แซนด์บ็อกซ์ 7 7 โดยเฉพาะในส่วนของการสวอปพนักงานขับรถและไกด์, การขอให้สนับสนุนจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยว จำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบากรทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของภูเก็ต และกว่า 80% ยังปิดตัวอยู่ เป็นต้น และประเด็นปัญหาเรื่องของกาเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคสาธารณูปการต่างๆ ด้วย
ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เนื่องจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ถือว่ามีความสำคัญในการเป็นต้นแบบของการนำไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอมานั้นจะได้นำไปแจ้งให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นปัญหาอุปสรรค เพื่อจะได้หาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
ภาพ/ข่าว โดย :
สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต