29 สิงหาคม 2564 แม้จะมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ ออกมา มีผลวันที่ 1 ก.ย. นี้ แต่สำหรับนักเรียนยังต้องเรียนออนไลน์กันต่อไป ซึ่งเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว หากเด็กๆ ไม่ได้คุ้นชินกับวิถีนี้ขึ้นเลย ตรงกันข้ามมีผลวิจัยพบเด็กเรียนออนไลน์มีภาวะเครียด รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ บริษัท ทูลมอโร จำกัด จัดเสวนาออนไลน์ “ลูกหลานเรียนออนไลน์ จะสื่อสารอย่างไรให้เข้าใจ” ภายใต้โครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน ปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ให้ครอบครัวรู้วิธีการสื่อสารเชิงบวกกับเด็กระหว่างเรียนออนไลน์ช่วงโควิด-19
นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์ตามแผนการสอนของโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองอาจต้องพบอุปสรรคโดยเฉพาะ ปัญหาเด็กขาดสมาธิและรู้สึกกดดันกับการเรียนผ่านจอ จึงเป็นความท้าทายของผู้ปกครองที่ต้องมีทักษะสื่อสารและวิธีเลี้ยงลูกเชิงบวกให้เหมาะสมกับเด็กยุคนี้
สสส. จึงเดินหน้าโครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ปกครอง โดยจะมีพ่อแม่อาสา นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ กระบวนกร นักพัฒนาเด็กและครอบครัว ร่วมดำเนินงานเป็นผู้นำกลุ่มระหว่างเรียนด้วยจำนวน 60 คน
จากการติดตามผลกระทบช่วงเรียนออนไลน์ของเด็กไทย พบสาเหตุเบื้องลึกที่ทำให้เครียดกันทั้งบ้าน คือ
1.เด็กถูกปล่อยให้เรียนออนไลน์เพียงลำพังซึ่งเป็นเรื่องยาก ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการของช่วงวัย
2.เด็กและผู้ปกครองสื่อสารกันน้อยลงเพราะใช้เวลากับโลกออนไลน์มากขึ้น
3.ผู้ปกครองขาดทักษะสมัยใหม่ในการเลี้ยงดูเด็กโดยเฉพาะการเลี้ยงลูกเชิงบวกส่งผลให้การสื่อสารไม่ได้ผล
สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้บรรยากาศในบ้านตึงเครียด และไม่มีความสุข ส่งผลเสียต่อพัฒนาการทั้งร่างกาย จิตใจ และสมองของเด็ก
โครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน มุ่งพัฒนาห้องเรียนออนไลน์ในรูปแบบ “กลุ่มพ่อแม่” เพื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้และฝึกทักษะการเลี้ยงลูกในยุคใหม่ภายใต้การสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ และกลุ่มพ่อแม่อาสาที่ผ่านการเรียนด้วยตัวเองและพบว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น โดย สสส. มุ่งหวังให้ครอบครัวเป็นพื้นที่สุขภาวะสำหรับสมาชิกทุกวัยเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ในอนาคต
พ.ญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 13 กระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษาหลักสูตรการเรียนรู้โครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน แนะผู้ปกครองระหว่างลูกต้องเรียนออนไลน์
1.จัดสถานที่ให้เด็กมีสมาธิในการเรียนรู้
2.จัดตารางเรียนให้เด็กมีโอกาสผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย เล่นโซเชียลมีเดียได้ แต่ต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง/วัน
3.ดูแลการบ้านของเด็ก ถ้าเป็นเด็กเล็กหรือเด็กประถม ผู้ปกครองต้องใส่ใจมากกว่าเด็กมัธยมที่ส่วนใหญ่สามารถดูแลรับผิดเองได้
4.ทำใจยอมรับว่าการเรียนออนไลน์มีข้อจำกัดสำหรับเด็กบางคน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอาจไม่เหมือนกับอยู่ที่โรงเรียน
5.ผู้ปกครองต้องจัดตารางพ่อแม่ให้มีเวลาพักผ่อน หรือปล่อยวางจากสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดในการเลี้ยงเด็ก และที่สำคัญต้องใช้พฤติกรรมเชิงบวกกับลูก ซึ่งจะช่วยให้หลายครอบครัวผ่านปัญหาเรียนออนไลน์ได้ ที่สำคัญต้องสร้างวงจรพฤติกรรมเชิงบวกให้กับเด็ก โดยลดคำบ่น เพิ่มคำชม และไม่สื่อสารแบบประชดประชัน เพื่อทำให้เด็กสัมผัสถึงความรัก ความห่วงใย
น.ส.ภิญญา วิทยฐานกรณ์ ผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน กล่าวว่า เข้าร่วมหลักสูตรนี้ เพราะต้องการนำองค์ความรู้มาพัฒนาตัวเองเพื่อปรับใช้ในการเลี้ยงดูลูกๆ และส่วนตัวสนใจเรื่องการสื่อสารเชิงบวกกับเด็กๆ เป็นพิเศษอยู่แล้ว
หลังจากการเรียนก็ได้ผันตัวเองมาเป็น ‘พ่อแม่อาสา’ นำความรู้มาต่อยอด และส่งต่อให้กับพ่อ แม่ ผู้ปกครองหลายๆ คน ได้แก่ การจัดการอารมณ์ผู้ปกครองเพื่อเป็นพื้นฐานในการปรับพฤติกรรมเด็ก เทคนิกการใช้ I-Message เพื่อสื่อสารและรับฟังเด็กเชิงบวก และการให้คำชม เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกยินดีทุกครั้ง ซึ่งการใช้องค์ความรู้เหล่านี้ทำให้ลูกสามารถเรียนออนไลน์ได้อย่างมีสมาธิ โดยไม่รู้สึกกดดันหรือถูกบังคับจากผู้ปกครอง เพราะมีตารางเวลาชีวิตที่ชัดเจน จึงอยากให้พ่อแม่ทุกคนมาเข้าร่วมโครงการคุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยนด้วยกัน เพราะความรู้และคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทุกคนสามารถนำไปใช้ในชีวิตได้จริง
สนใจเข้าร่วม คุณเปลี่ยนลูกเปลี่ยน คลิก www.คุณเปลี่ยนลูกเปลี่ยน.com