วันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ที่ วัดพานทา ชุมชนพานทา เทศบาลเมืองศรีสะเกษ ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งราว 50 คน ได้มารวมตัวกันที่หน้าศาลากุฎิ เจ้าอาวาสวัด เพื่อมารอรับฟังคำตอบที่ชาวบ้านได้มีการประชุมหารือกันในการให้ขับไล่ โยมสีกาอุปัฏฐากเจ้าอาวาสวัด โดยอาศัยความสนิทสนม ด้วยการมาขอพักอาศัยอยู่ภายในวัด มากินมานอนอยู่วัดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยชาวบ้านมองว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง หากเป็นการมาอุปัฏฐากในช่วงเวลากลางวันก่อนฉันเช้า ฉันเพล แล้วเดินทางกลับบ้าน ชาวบ้านก็ไม่ว่าอะไร แต่โยมสีกาดังกล่าวได้มาอาศัยอยู่วัดตลอด และยังตั้งตนเองเป็นผู้จัดการวัด รับประสานงาน รับกิจนิมนต์ จัดคิวพระสงฆ์ที่รับงานต่าง ๆ ที่มีโยมมากราบนิมนต์ที่วัดเองทั้งหมด ทำให้พระในวัดเกิดการขัดแย้ง ไปจนถึงแบ่งฝ่าย ซึ่งโยมสีกาดังกล่าวมีตำแหน่งเป็นถึงประธานชุมชนของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ไม่ควรที่จะมานอนพักค้างแรมที่วัดเช่นนี้ ชาวบ้านจึงประชุมและเสนอให้ขับไล่ออกจากวัด แต่หากจะมาถวายข้าวพระในช่วงเช้า ช่วงเพล ชาวบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร
นายพรชัย ดาวเรือง ประธานกรรมการวัด เปิดเผยว่า ผู้หญิงคนนี้ได้มาอาศัยอยู่ที่วัดเป็นเวลายาวนานมาก นานกว่า 20 ปี โดยทำตัวเป็นโยมอุปัฏฐากเจ้าอาวาสวัด จากนั้นได้มาตั้งเต็นท์กั้นห้องชั่วคราวมาพักอาศัย ทั้งกลางวัน กลางคืนอยู่ที่วัดแห่งนี้ ชาวบ้านเคยออกมาเตือนกันครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปีก่อน แต่ยังดื้อดึงมาโดยตลอด ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสก็เคยขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าคณะจังหวัดก็ไม่อนุญาต แต่ก็ได้แต่งตั้งให้ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านโนนดั่ง ตำบลโพนเขวา อำเภอเมือง ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของหลวงพ่อเจ้าอาวาสอีกตำแหน่งหนึ่ง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสจะไปอยู่ที่วัดบ้านโนนดั่ง เพราะบรรดาญาติ ลูกหลานไม่อยากให้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังอยู่ที่วัดทำตัวเป็นผู้จัดการวัดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ วันนี้ชาวบ้านประชุมกันจึงมีมติดำเนินการขั้นเด็ดขาด ให้ผู้หญิงคนนี้ออกจากวัดไป ด้วยการขนเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัวที่มาพักอาศัยที่วัดออกไปให้หมดด้วย หากไม่ยอมชาวบ้านจะไปร้องศูนย์ดำรงธรรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัว และจะเสนอเทศบาลให้ปลดจากตำแหน่งประธานชุมชนโนนเขวาด้วย
ขณะเดียวกัน พระครูผาสุกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดพานทา เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นคนอนุญาตให้สีกา จตุพร หรือ ติ๋ม ผุดผ่อง ที่มาสมัครเป็นโยมอุปัฏฐากถวายข้าวน้ำพระ ช่วงเช้า ช่วงเพล มาโดยตลอด ต่อมาโยมก็ขอมาพักอาศัยโดยจะนำเต็นท์มากางอยู่ที่ด้านหลังของวัด ก็อนุญาตไปเพราะไม่ได้มีอะไรพิเศษอยู่แล้ว วัดเป็นของสาธารณชนทุกคน ต่อมามีเด็กกำพร้าพ่อแม่ตาย ก็เลยฝากโยมอุปัฏฐากคนนี้ได้เลี้ยงดูด้วย แต่ชาวบ้านก็ไม่ค่อยพอใจ อาตมาก็เลยขอเจ้าคณะจังหวัดออกไปอยู่วัดบ้านโนนดั่ง บ้านเกิดตนเอง ก็มอบให้รองเจ้าอาวาสให้บริหารวัดไปพลางก่อนด้วย หากเกิดปัญหาชุมชนชาวบ้านไม่พอใจ ก็ดำเนินการตามเห็นสมควร อาตมาไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกวันก็ไปจำวัดอยู่ที่วัดบ้านโนนดั่ง มานานหลายเดือนแล้ว
ส่วน นาง จตุพร หรือ ติ๋ม ผุดผ่อง อายุ 57 ปี โยมสีกาอุปัฏฐากที่ชาวบ้านกล่าวถึง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ตนได้อยู่รับใช้เป็นโยมอุปัฏฐากหลวงพ่อมานานกว่า 20 ปีแล้ว ไม่เห็นมีปัญหาอะไร และก็บริสุทธ์ใจที่ได้มาทำบุญ กวาดลานวัด จัดสำรับกับข้าวถวายภัตตาหารเช้า ภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์ทุกรูปทุกองค์ อยู่ ๆ มาวันนี้ชาวบ้านได้มาขับไล่ตนให้ออกไปจากวัด ไม่ให้มาพักอาศัยที่วัดในช่วงเวลากลางคืน ตนก็ยอมออกไปนอนพักที่บ้านตนเองแล้ว ไม่ได้มานอนวัดเหมือนเมื่อก่อน แต่ตนเชื่อว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องการพระด็อกเตอร์ มาเป็นเจ้าอาวาสแทนหลวงพ่อ จึงหาเรื่องมาใส่ความ โดยความจริงแล้วหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัด ทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้อยู่วัดนี้แล้ว เพราะต้องไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านโนนดั่ง อีกตำแหน่งหนึ่งนอกจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพานทาแห่งนี้ วันนี้ตนยืนยันว่าตนได้ออกไปนอนพักอาศัยที่บ้านแล้ว แต่ก็ยังกลับมา จัดสำรับกับข้าวถวายพระในช่วงกลางวันเช่นเคย